ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ก.เกษตรฯ ตื่นแก้ราคายางดิ่งเหว สั่งสอบสัมพันธ์เครือญาติ “ประธานบอร์ด-ผู้ว่า กยท.” ที่อาจนำไปสู่ความไม่ชอบมาพากลและการบริหารงานที่ล้มเหลวแล้ว ด้าน “โกจั้ว” ผู้เคยร่วมแก้ปัญหามาในหลายรัฐบาลและปลุกปั้น กยท.มากับมืออัดซ้ำ ไทยคือที่สุดผู้ผลิตยางโลก แต่โชคไม่ดีที่มีผู้บริหารขาดความรู้
แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผย “MGR Online ภาคใต้” ว่า เวลานี้ทั้งนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯ และนายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรฯ ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลเรื่องการแก้ปัญหาราคายาง ได้มีการประสานข้อมูลกับบรรดาแกนนำเกษตรกรชาวสวนยาง จนจนเกิดความเข้าใจปัญหาที่มีการร้องเรียนในเครื่องต่างๆ แล้ว โดยเฉพาะในประเด็นให้มีการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลภายในการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ทั้งในด้านการบริหารงานและความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างประธานบอร์ดกับผู้ว่า กยท.
“โดยเฉพาะเรื่องราวที่มีการร้องเรียนว่า พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานบอร์ด กยท.กับ นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่า กยท.มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ซึ่งได้สั่งการให้มีการตรวจสอบที่มาที่ไป การบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพ มีการซุกปัญหามากมายไว้ใต้พรม จนนำไปสู่ความขัดแย้งภายในองค์กร สร้างความเสียหายต่อทั้ง กยท.และเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งระดับผู้ดูแลนโยบายอยากให้เร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพราะไม่อยากให้มีภาพที่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล” แหล่งข่าวกว่าย้ำ
ด้านนายวิสุทธิ์ นิติยารมย์ หรือ โกจั้ว นักธุรกิจชาวนครศรีธรรมราชผู้กว้างขวางในวงการยางไทย ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานเกษตรกรรายย่อยภาคใต้ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้เคยเป็นคณะทำเพื่อแก้ปัญหาราคายางตกต่ำในหลายรัฐบาล และที่สำคัญคือเป็นผู้ที่เสนอให้ตั้งองค์กร กยท.ขึ้นในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ประเทศไทยมีพื้นดินที่เหมาะสมต่อการปลูกยางมากที่สุดในโลก ผลิตยางพาราได้มากที่สุดโลกถึงกว่า 4 ล้านตัน/ปี ไทยส่งออกยางแท่ง ยางแผ่นรมควันและน้ำยางข้นมากที่สุดในโลก หรือมากกว่า 30% ของประมาณที่มีอยู่ในตลาดโลก บริษัทที่ผลิตถุงอนามัย ถุงมือแพทย์ทั้งโลกต้องสั่งซื้อนำยางข้นจากไทยถึง 90%
“แต่มีเรื่องราวที่ตลกปนเศร้าที่สุดในโลกคือ รัฐบาลไทยในทุกยุคทุกสมัยกลับไม่สามารถควบคุมราคายางได้เลย และนี่คือเหตุผลหลักในการผลักดันให้ตั้งองค์กรที่จะมาแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยตรง และในที่สุดก็นำมาสู่การจัดตั้ง กยท.ขึ้นมาจนสำเร็จ ทั้งนี้ก็เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาเสถียรภาพราคายางไทย หนำซ้ำเวลานี้ชาวสวนยางไทยกลับโชคร้ายที่สุดในโลกอีก เพราะเราได้ผู้บริหาร กยท.ที่ไม่มีความรู้มากพอที่ควบคุมราคายางได้ แต่กลับปล่อยให้บริษัทเอกชนผู้ค้ายางรายใหญ่ไม่กี่บริษัทร่วมกันทุบราคายาง จนสร้างความเดือดร้อนให้ชาวสวนยางไปทั่วประเทศ เรื่องนี้น่าอับอายขายหน้าไปทั่วโลก” โกจั้วกล่าวตบท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบราคาน้ำยางสดที่เว็บไซต์ของสมาคมน้ำยางข้นไทย พบว่า ราคายังไม่มีความมั่นคงเท่าที่ควร แถมยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2560 ราคาขายน้ำยางสดในอยู่ที่ 45 บาท/กก. ปรากฏว่าวันที่ 4 ธ.ค.เพิ่มเป็น 45.50 บาท/กก. วันที่ 6-7 ธ.ค.ขึ้นอีกเป็น 47 บาท/กก. แล้ววันที่ 8 ธ.ค.สูงสุดอยู่ที่ 47.50 บาท/กก. จากนั้นกลับลดลงต่อเนื่องมาคือ วันที่ 12 ธ.ค.เหลือ 43.50 บาท/กก. และล่าสุดวันที่ 13-14 ธ.ค.ลงไปอีกอยู่ที่ 42 บาท/กก.
