ตรัง - ตำรวจ สภ.เมืองตรัง หอบสำนวนจำนวนกว่า 1 พันแผ่น ส่งฟ้องอัยการในคดีแก๊ง ผกก.ยะลา พร้อมพวกอีก 5 ราย อุ้มฆ่า “น้องบาส” เด็กหนุ่มสงขลาวัย 17 ปี เผยมั่นใจการดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานอัยการจังหวัดตรัง พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง พร้อมด้วย พ.ต.ต.โอภาส ไชยบุญ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ได้นำสำนวนคดี จำนวน 1,051 แผ่น ส่งอัยการจังหวัดตรัง เพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการฝากขัง ครั้งที่ 6
คดีนี้สืบเนื่องจากได้มีแก๊งคนร้ายร่วมกันก่อเหตุอุ้มฆ่า นายนเรนทร์ฤทธิ์ สุวรรณโณ หรือน้องบาส อายุ 17 ปี เด็กหนุ่มชาว จ.สงขลา โดยการจ่อยิงที่ศีรษะ แล้วลากศพลงทิ้งใต้น้ำ เหตุเกิดบนสะพานคลองลำภูรา ม.1 ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ก.ย.60 ต่อมา ทางตำรวจได้จับกุมตัว นายวิชาญ หนูสีคง อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นพ่อแฟนสาวของผู้ตายเป็นรายแรก
ก่อนขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 5 ราย ประกอบด้วย พ.ต.อ.รัฐระวี ไชยชนะ อายุ 48 ปี ผกก.อก.ภ.จว.ยะลา นายวิเวท ไชยชนะ อายุ 45 ปี น้องชาย พ.ต.อ.รัฐระวี ด.ต.อนันต์ จันทร์คง อายุ 48 ปี สังกัด บก.ภ.จว.สงขลา ด.ต.ชัยธวัช หรือสายัญ กิตติเวชวรกุล อายุ 48 ปี สังกัด บก.ภ.จว.ตรัง และนายศักดิ์นรินทร์ หรือโอ อ่อนช่วย อายุ 30 ปี
กระทั่งเมื่อวันที่ 10 ต.ค.60 ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ได้ถูกนำตัวมาที่ จ.ตรัง และแยกตัวกันสอบสวน พร้อมแจ้ง 5 ข้อหา คือ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรอง มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และซ่อนเร้นศพ ต่อมา ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ยื่นขอประกันตัวใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดรายละ 5 แสนบาท แต่ปรากฏว่า ศาลจังหวัดตรัง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์โหดเหี้ยม มีการวางแผนทำงานกันเป็นทีม และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เกรงจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี และประจักษ์พยาน ก่อนนำตัวส่งเข้าเรือนจำจังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เปิดเผยว่า การทำสำนวนคดีนี้เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง และไม่หนักใจ พร้อมยืนยันความผิดของผู้ต้องหาทั้ง 6 รายได้อย่างชัดเจน โดยทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งกำชับให้ดำเนินให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และให้รวบรวมอย่างมีระบบตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ
สำหรับผู้ต้องหายังไม่ได้รับการประกันตัวแม้แต่คนเดียว ที่ผ่านมา ได้มีการยื่นขอประกันตัวมากกว่า 1 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ประกันตัว ส่วนคดีทางวินัยที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายนั้น ได้แจ้งไปยังต้นสังกัดของผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะสั่งพักราชการ หรือให้ออกจากราชการหรือไม่