ชุมพร - เตรียมออกหมายจับ แก๊งวัยรุ่นเมียนมา ยกพวก พร้อมอาวุธมีดสปาต้า - หัวขวาน รุมยำแก๊งคู่อริชาวมอญ แต่เพื่อนคนไทยร่วมก๊วน ถูกรุมฟันยับ อาการปางตาย ภาพกล้องวงจรปิดจับพฤติกรรมโหดเหิมเกริมไว้ได้
จากกรณีแก๊งแรงงานวัยรุ่นชาวเมียนมา จากอำเภอท่าแซะ ยกพวกนับสิบคนพร้อมอาวุธมีดสปาต้า ขวาน ข้ามถิ่นมาถล่มวัยรุ่นคู่อริวัยรุ่นชาวมอญ บริเวณสวนสาธารณะริมทะเล หน้าที่ทำการเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร จนนายบัณฑิตย์ เมฆหมอก อายุ 19 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์คนไทยเพื่อนร่วมก๊วนชาวมอญ ถูกรุมฟันยับเยินปางตายแพทย์ต้องผ่าตัดนานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมโหดท้าทายกฎหมายของแก๊งต่างด้าวดังกล่าวอย่างกว้างขวางตามข่าวที่เสนอนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ ( 6 ธ.ค.) พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำชุมพร ได้นำตัวแรงงานวัยรุ่นชายสัญชาติเมียนมาเชื้อชาติมอญ 4 คน โดยหนึ่งในผู้เสียหายมี นายมะนาว อายุ 20 ปี ถูกฟันที่ใบหน้าต้องเย็บถึง 11 เข็ม หลังกลุ่มคู่อริวัยรุ่นชาวเมียนมาจากต่างถิ่นยกพวกมารุมทำร้าย เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมกับให้ชี้ภาพประวัติบุคคลแก๊งวัยรุ่นต่างด้าวคู่อริ เบื้องต้นกลุ่มผู้เสียหายสามารถชี้รูปภาพยืนยันได้ 5 คน เนื่องจากบางคนรู้จักเคยเห็นหน้ากันมาก่อน และ กลุ่มต่างด้าวคู่อริที่ก่อเหตุ มักจะมาหากลุ่มเพื่อนและมาเที่ยวในพื้นที่ตำบลปากน้ำชุมพร อยู่เป็นประจำ จนเกิดเหตุเขม่นกลายเป็นคู่อริและมีการคอมเม้นด่าทอท้าทายกันทางเฟซบุ๊คอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งยกพวกรุ่มทำร้ายกันดังกล่าว
หลังจากสอบปากคำเพิ่มเติม และ ชี้ภาพประวัติบุคคลแรงงานต่างด้าวคู่อริแล้ว พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำชุมพร พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ได้นำพยานผู้เสียหายทั้งหมดไปชี้ยังจุดเกิดเหตุริมทะเลสวนสาธารณะหน้าเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร ที่ถูกคู่อริต่างด้าวจากต่างถิ่นในอำเภอท่าแซะ ยกพวกมาตามหารุมทำร้ายด้วยมีดสปาต้าและขวาน จนวิ่งหนีแตกกระเจิงเข้าไปในซอย มีระยะทางประมาณ 100 เมตร ไปตัดเป็นสามแยกตัวทีกับถนนในตลาดสดปากน้ำชุมพร และทำให้ นายบัณฑิตย์ เมฆหมอก อายุ 19 ปี คนไทยเพื่อนของกลุ่มผู้เสียหายที่ไปเดินเที่ยวด้วยกัน หนีไปจนมุมอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งบริเวณสามแยกตัวทีจนถูกกลุ่มวัยรุ่นต่างด้าวคู่อริรุมกระหน่ำฟันไม่ยั้งมือจนอาการปางตายดังกล่าว
พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำชุมพร กล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเบื้องต้นมีหลักฐานยืนยันชัดเจนแล้วจำนวน 5 คน เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา มาจากอำเภอท่าแซะ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ซึ่งจะติดตามจับกุมได้ในเร็วๆนี้ ส่วนสาเหตุมาจากการเขม่นทะเลาะวิวาทกันของกลุ่มวัยรุ่น แล้วมีการด่าทอท้าทายกันไปมาทางเฟซบุ๊ค จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ด้าน นายชาตรี เมฆหมอก อายุ 41 ปี บิดาของนายบัณฑิตย์ ที่ถูกแก๊งวัยรุ่น ต่างด้าวรุมฟังปางตาย กล่าวว่า หลังแพทย์ผ่าตัดลูกชายนานกว่า 5 ชั่วโมงอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องนอนรักษาตัวต่ออยู่ที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อีกระยะหนึ่งถึงจะกลับบ้านได้ ส่วนสาเหตุนั้นลูกตนคงจะไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นเพราะรู้จักกับกลุ่มต่างด้าวผู้เสียหายและเข้าไปเดินเที่ยวอยู่ด้วยกันจึงถูกเหมารวมว่าเป็นคู่อริ
ส่วนสภาพร่างกายจะกลับมาเป็นปกติอีกหรือไม่ต้องรอดูอาการต่อไป เพราะถูกฟันด้วยมีดสปาต้าและขวานที่ศีรษะ ขาซ้ายเป็นแผลลึกขนาดใหญ่จนถึงกระดูก และตามตัวอีกหลายแห่ง ขอให้ตำรวจจับกุมแก๊งต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเหิมเกริมท้าทายกฎหมายบ้านเมืองมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
จากกรณีแก๊งแรงงานวัยรุ่นชาวเมียนมา จากอำเภอท่าแซะ ยกพวกนับสิบคนพร้อมอาวุธมีดสปาต้า ขวาน ข้ามถิ่นมาถล่มวัยรุ่นคู่อริวัยรุ่นชาวมอญ บริเวณสวนสาธารณะริมทะเล หน้าที่ทำการเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร จนนายบัณฑิตย์ เมฆหมอก อายุ 19 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์คนไทยเพื่อนร่วมก๊วนชาวมอญ ถูกรุมฟันยับเยินปางตายแพทย์ต้องผ่าตัดนานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมโหดท้าทายกฎหมายของแก๊งต่างด้าวดังกล่าวอย่างกว้างขวางตามข่าวที่เสนอนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ ( 6 ธ.ค.) พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำชุมพร ได้นำตัวแรงงานวัยรุ่นชายสัญชาติเมียนมาเชื้อชาติมอญ 4 คน โดยหนึ่งในผู้เสียหายมี นายมะนาว อายุ 20 ปี ถูกฟันที่ใบหน้าต้องเย็บถึง 11 เข็ม หลังกลุ่มคู่อริวัยรุ่นชาวเมียนมาจากต่างถิ่นยกพวกมารุมทำร้าย เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมกับให้ชี้ภาพประวัติบุคคลแก๊งวัยรุ่นต่างด้าวคู่อริ เบื้องต้นกลุ่มผู้เสียหายสามารถชี้รูปภาพยืนยันได้ 5 คน เนื่องจากบางคนรู้จักเคยเห็นหน้ากันมาก่อน และ กลุ่มต่างด้าวคู่อริที่ก่อเหตุ มักจะมาหากลุ่มเพื่อนและมาเที่ยวในพื้นที่ตำบลปากน้ำชุมพร อยู่เป็นประจำ จนเกิดเหตุเขม่นกลายเป็นคู่อริและมีการคอมเม้นด่าทอท้าทายกันทางเฟซบุ๊คอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งยกพวกรุ่มทำร้ายกันดังกล่าว
หลังจากสอบปากคำเพิ่มเติม และ ชี้ภาพประวัติบุคคลแรงงานต่างด้าวคู่อริแล้ว พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำชุมพร พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ได้นำพยานผู้เสียหายทั้งหมดไปชี้ยังจุดเกิดเหตุริมทะเลสวนสาธารณะหน้าเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร ที่ถูกคู่อริต่างด้าวจากต่างถิ่นในอำเภอท่าแซะ ยกพวกมาตามหารุมทำร้ายด้วยมีดสปาต้าและขวาน จนวิ่งหนีแตกกระเจิงเข้าไปในซอย มีระยะทางประมาณ 100 เมตร ไปตัดเป็นสามแยกตัวทีกับถนนในตลาดสดปากน้ำชุมพร และทำให้ นายบัณฑิตย์ เมฆหมอก อายุ 19 ปี คนไทยเพื่อนของกลุ่มผู้เสียหายที่ไปเดินเที่ยวด้วยกัน หนีไปจนมุมอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งบริเวณสามแยกตัวทีจนถูกกลุ่มวัยรุ่นต่างด้าวคู่อริรุมกระหน่ำฟันไม่ยั้งมือจนอาการปางตายดังกล่าว
พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำชุมพร กล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเบื้องต้นมีหลักฐานยืนยันชัดเจนแล้วจำนวน 5 คน เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา มาจากอำเภอท่าแซะ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ซึ่งจะติดตามจับกุมได้ในเร็วๆนี้ ส่วนสาเหตุมาจากการเขม่นทะเลาะวิวาทกันของกลุ่มวัยรุ่น แล้วมีการด่าทอท้าทายกันไปมาทางเฟซบุ๊ค จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ด้าน นายชาตรี เมฆหมอก อายุ 41 ปี บิดาของนายบัณฑิตย์ ที่ถูกแก๊งวัยรุ่น ต่างด้าวรุมฟังปางตาย กล่าวว่า หลังแพทย์ผ่าตัดลูกชายนานกว่า 5 ชั่วโมงอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องนอนรักษาตัวต่ออยู่ที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อีกระยะหนึ่งถึงจะกลับบ้านได้ ส่วนสาเหตุนั้นลูกตนคงจะไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นเพราะรู้จักกับกลุ่มต่างด้าวผู้เสียหายและเข้าไปเดินเที่ยวอยู่ด้วยกันจึงถูกเหมารวมว่าเป็นคู่อริ
ส่วนสภาพร่างกายจะกลับมาเป็นปกติอีกหรือไม่ต้องรอดูอาการต่อไป เพราะถูกฟันด้วยมีดสปาต้าและขวานที่ศีรษะ ขาซ้ายเป็นแผลลึกขนาดใหญ่จนถึงกระดูก และตามตัวอีกหลายแห่ง ขอให้ตำรวจจับกุมแก๊งต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเหิมเกริมท้าทายกฎหมายบ้านเมืองมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
