กระบี่ - อดีตนายดาบตำรวจวัยเกษียณ ขับรถกระบะพาภรรยาและญาติ ไปส่งหลานชายไปเรียนที่จังหวัดตรัง ขากลับตัวเมืองกระบี่ รถยางระเบิดเสียหลักแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้า เป็นเหตุให้เสียชีวิตยกคัน 6 ศพ
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ไพโรจน์ ชนะชัย สว.(สอบสวน) สภ.เหนือคลอง จ.กระบี่ รับแจ้งมีเหตุรถยนต์เสียหลักชนเสาไฟฟ้าแรงสูง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย เหตุเกิด ที่ถนนเพชรเกษม ขาเข้าอำเภอเมืองกระบี่ หมู่ 5 ต.โคกยาง อ.เหนือคลอง มุ่งหน้า เข้าอำเภอเมืองกระบี่ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย แพทย์โรงพยาบาลเหนือคลอง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา มูลนิธิประชาสันติสุข จากพื้นที่ กู้ชีพเทศบาลตำบลเหนือคลอง และตำบลเพลหลาและคลองท่อม พร้อมปกรณ์เครื่องตัดถ่าง เข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นฝั่งขาเข้าเมืองกระบี่ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีเทา ทะเบียน บต 7306 กระบี่ สภาพพังยับเยิน ส่วนกลางรถฟาดเข้ากับเสาไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ริมถนนจนพับ 2 ท่อน ตรวจสอบในเบื้องต้นพบศพติดอยู่ในห้องโดยสาร4ศพ และกระเด็นออกมานอกรถ อีก1 ศพ เป็นหญิงไม่ทราบชื่อ เจ้าหน้าที่จึงประสานให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเหนือคลอง มาตัดกระแสไฟ ก่อนที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา นำเครื่องตัดถ่างงัดโครงรถ เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้สำเร็จ โดยพบศพเด็กอีกเพิ่มมา อีก 1 คน รวมเป็น 6 ศพ
ทราบชื่อผู้เสียชีวิต ต่อมาคือ 1.ด.ต.ประหยัด จงรักษ์ อายุ 61 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ นางจันทร์ศรี จันทร์โลหิต อายุ 58 ปี น.ส.วัลภา รักไทย อายุ 36 ปี นางจันทร์แรม คำลือ อายุ 58 ปี น.ส.ดารา รักไทย อายุ 37 ปี ด.ช.กมลสินธุ์ บัณฑิตศักดิ์ อายุ 1 ปี เจ้าหน้าที่นำศพผู้ตายทั้งหมดส่งโรงพยาบาลเหนือคลอง
สอบสวนทราบว่า ผู้ตายทั้ง 6 คน เป็นญาติกัน ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.ประหยัด ได้ขับรถคันดังกล่าวนำภรรยาและหลาน เดินทางไปส่งหลานชายอีกคนหนึ่งไปเรียน ที่จังหวัดตรัง จากนั้นก็ได้ขับรถ รถกลับ บ้านพักที่อยู่ในตัวเมืองกระบี่ แต่ระหว่างทางเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งประกอบกับถนนลื่นจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก รถเกิดเสียหลักแหกโค้ง พุ่งไปชนกับท่อคอนกรีตริมถนนก่อนหมุนไปฟาดกับเสาไฟฟ้าข้างทาง เป็นเหตุให้คนขับและญาติๆเสียชีวิตทั้งหมด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าขณะที่รถคันดังกล่าวขับมาถึงที่เกิดเหตุ ยางรถล้อหน้าขวา เกิดระเบิด รถเสียการทรงตัว และเสียหลักพุ่งออกข้างทาง และชนเสาไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งจะได้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง