ตรัง - หลายพื้นที่ริมแม่น้ำตรังยังเจอน้ำท่วมสูงเกือบมิดหลังคา ชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่ในเต็นท์ริมถนน ขณะที่น้ำบางส่วนก็ไหลทะลักเข้าท่วมตัวเมือง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดมาจากพนังกั้นน้ำที่เพิ่งพังลง 2 จุด
วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มวลน้ำที่ไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ใน จ.ตรัง ได้หลากเข้าท่วมตัวเมืองตรัง และบริเวณรอบนอกหลายจุด เช่น หมู่ที่ 3 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง บริเวณหน้าโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยตรัง ที่อยู่ใกล้กับสะพานคลองช้าง เขตรอยต่อของ ต.บางรัก และ ต.นาโต๊ะหมิง ที่ราบลุ่มและเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากพนังกั้นแม่น้ำตรังที่เพิ่งพังลงมา 2 จุด ทั้งใน ต.บางรัก และ ต.หนองตรุด
โดยมวลน้ำส่วนหนึ่งยังได้ไหลหลากไปรวมยังบริเวณหลัง ร.ร.จุฬาภรณราชวิทยาลัยตรัง และใกล้เคียงในพื้นที่ ต.บางรัก และ ต.นาโต๊ะหมิง ก่อนที่จะข้ามถนนตรัง-สิเกา ช่วงตั้งแต่หน้า ร.ร.จุฬาภรณฯ ไปจนถึงหน้าทางเข้า ต.หนองตรุด เป็นระยะทางประมาณ 1 กม. และมีระดับน้ำสูง 70 ซม. แถมยังไหลเชี่ยวกรากมาก จนทำให้จักรยานยนต์บางคันถูกซัดลงจมไปในกระแสน้ำ ส่วนรถเก๋งและรถกระบะหลายคันก็เกิดปัญหาเครื่องยนต์ดับ เจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยกันอย่างวุ่นวาย ทำให้ผู้ที่เดินทางไปยัง จ.กระบี่ ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางแยกอันดามันชั่วคราว
ในขณะที่ชาวบ้านได้ขนย้ายข้าวของไว้บนหลังคาบ้านแล้ว แต่ปรากฏว่าปีนี้มีปริมาณน้ำสูงมากจนมิดหลังคา ทำให้ต้องพายเรือเข้าไปนำข้าวของออกมาไว้บนถนนใหญ่ และมาอาศัยอยู่เป็นการชั่วคราว สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นจำนวนมาก เฉพาะ อ.เมืองตรัง มีผู้ประสบภัยแล้ว 1,600 ครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำตรัง
นางสมพิศ คงทอง อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ที่ 4 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง กล่าวว่า เนื่องจากบ้านของตนเองตั้งอยู่ในที่ลุ่มและเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมซ้ำซาก ทุกครั้งน้ำจะท่วมจมมิดหลังคาบ้าน และต้องมาอาศัยอยู่บนถนนเป็นเดือนๆ รวมทั้งในครั้งนี้ที่ได้อพยพมา 3 วันแล้ว แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล มีเพียงชาวบ้านที่ช่วยกันระดมทุนกันทำข้าวกล่องและน้ำเพื่อนำมาแจกจ่ายให้ ทั้งนี้ ตนเองต้องการที่พักอาศัยและที่ขับถ่าย เพราะลำบากมากต้องเดินเท้ากว่า 500 เมตร เพื่อไปใช้ห้องน้ำของปั๊มน้ำมัน ซึ่งเข้าใจดีว่าส่วนราชการอาจจะมีภารกิจเยอะ เนื่องจากมีหลายพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม แต่อยากจะขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลให้เร็วกว่านี้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก
ในขณะที่บริเวณหน้าวัดประสิทธิชัย (วัดท่าจีน) และโรงเรียนเทศบาล 7 วัดประสิทธิชัย อ.เมืองตรัง มวลน้ำจำนวนมากได้ไหลเข้าท่วมสูงกว่า 1 เมตร เนื่องจากตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำตรัง และมวลน้ำยังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พระเณรต้องใช้เรือท้องแบนในการเดินทาง
ขณะที่ ปภ.เขต 18 ภูเก็ต และ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี นำโดย นายมาหะมะพีสกรี วาแม ผอ.ศูนย์ ปภ.เขต 18 ภูเก็ต ได้นำเครื่องสูบน้ำ และอุปกรณ์ต่างๆ มาเพื่อเตรียมการสูบระบายน้ำในจุดที่ท่วมขังสูง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ จึงต้องรอให้ระดับน้ำทรงตัวเสียก่อน เพราะหากสูบระบายน้ำในขณะนี้ ก็จะทำให้น้ำวนไปวนมาอยู่ที่เดิมจนไม่เกิดประโยชน์ คาดว่าในพรุ่งนี้อาจจะดำเนินการได้เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน