นราธิวาส - ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 17 เผยอีก 2-3 วันนี้ หากฝนไม่ตกซ้ำจะสามารถระบายน้ำได้หมด ยืนยันสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เมืองปัตตานี และเมืองยะลา ไม่ได้มีการปล่อยน้ำจากเขื่อน แต่เป็นเพราะปริมาณฝนที่ตกด้านล่างเขื่อน
วันนี้ (1 ธ.ค.) นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 ซึ่งดูแลรับผิดชอบลุ่มน้ำในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และ จ.นราธิวาส รวม 4 ลุ่มน้ำประกอบด้วย ลุ่มน้ำโก-ลก ลุ่มน้ำบางนรา ลุ่มน้ำสายบุรี ลุ่มน้ำปัตตานี รวมถึงพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง และป่าพรุบาเจาะ-ไม้แก่น ได้กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนี้ว่า ภาพรวมน้ำที่เอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ราบลุ่ม รวมถึงพื้นที่ชุมชนของ อ.เมือง จ.ยะลา, อ.เมือง จ.ปัตตานี และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นั้น เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงในแต่ละวัน ซึ่งมีวันละ 300-500 มิลลิเมตร จึงทำให้น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ มีปริมาณมาก และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล้นตลิ่ง ประกอบกับการระบายน้ำที่มีกรณีของน้ำทะเลหนุนด้วย ทำให้การระบายเป็นไปด้วยความล่าช้า แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าหากในช่วง 2-3 วันนี้ ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม ทุกพื้นที่น่าจะกลับสู่ภาวะปกติ
ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 กล่าวยืนยันว่า ทางชลประทานมีการบริหารจัดการน้ำอย่างดี ไม่มีการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนบางลาง อย่างที่มีกระแสข่าวที่ทำให้ในพื้นที่ของ จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี มีน้ำท่วมในเขต อ.เมือง ซึ่งจากการตรวจสอบปัจจุบันยังพบว่า เขื่อนบางลางยังสามารถรับน้ำได้อีก 30 เปอร์เซ็นต์ แต่น้ำที่ไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่างเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกใต้เขื่อน ซึ่งตกในพื้นที่ อ.บังนังสตา อ.กาบัง และ อ.ยะหา และไหลลงเขื่อนปัตตานี ซึ่งไม่ใช่เขื่อนกักเก็บน้ำ เมื่อน้ำไหลมาก็ปล่อยไหลผ่านทำให้เข้าท่วมในพื้นที่ราบลุ่ม
ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของการทำงาน ของสำนักงานชลประทานที่ 17 ซึ่งดูแลบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยว่า ในปัจจุบันนี้ สำนักงานชลประทานที่ 17 ถือว่าทำงานได้ดีเยี่ยม มีการตื่นตัว และแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวัง และเตรียมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการลดความสูญเสียจากเมื่อก่อนได้มาก
แต่อย่างไรก็ตาม นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ กล่าวอีกว่า ก็ยังคงมีบางพื้นที่ที่จะต้องได้รับการพัฒนา ด้วยการติดตั้งสถานีสูบน้ำ หรือติดตั้งเครื่องของชลประทานในการวัดปริมาณน้ำ และกักเก็บน้ำ หรือปล่อยน้ำเป็นระยะ เพื่อดูแลพื้นที่ให้มีการดูแลบริหารน้ำได้ทั้งระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ของลุ่มน้ำสายบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่มีในส่วนของเครื่องมือ ใช้เพียงการวัดปริมาณน้ำเท่านั้นในการแจ้งเตือน ซึ่งหากเป็นไปได้การติดตั้งหรือเข้าไปพัฒนาในแต่ละพื้นที่ อาจจะเป็นผลดีในภาพรวมที่จะเป็นการป้องกันไม่ให้มีน้ำท่วมเกิดขึ้น
ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำในช่วงพื้นที่ จ.นราธิวาส เกิดสถานการณ์อุทกภัยด้วยว่า ทางสำนักงานชลประทานนราธิวาสได้นำเครื่องสูบน้ำ จำนวน 9 เครื่อง มาติดตั้งในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำบางนรา มีการติดตั้งอีก 9 เครื่อง ซึ่งถือว่ามีกำลังเพียงพอในการสูบน้ำเพื่อเร่งระบาย