ชุมพร - ชวนขนหัวลุก! ซากรถบัสผีสิงโผล่หน้าบ้านชาวบ้านที่ชุมพร สภาพเก่าผุพัง คาดกลุ่มนักอนุรักษ์ดอดลากมาจอดทิ้งไว้หน้าตาเฉยโดยไม่บอกล่าว ทำเอาลูกหลานจิตหลอนนอนผวา วอนผู้เกี่ยวข้องรีบเอาออกไป ก่อนขึ้นป้ายประท้วง
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านท่าเสม็ด พบกับ นายปรีชา ม่วงทองคำ อายุ 62 ปี นางยินดี ม่วงทองคำ อายุ 52 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 1 ตำบลสะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้ร้องเรียนกรณีมีกลุ่มบุคคลใช้รถยกลากซากรถบัสเก่ามาทิ้งไว้ริมถนนใกล้หน้าบ้าน โดยไม่บอกกล่าวให้รู้เลย ซึ่งซากรถบัสคันดังกล่าวถูกนำมาทิ้งไว้ริมถนนลูกรังห่างจากหน้าบ้านประมาณ 15 เมตร มีสภาพเก่าทรุดโทรมสนิมกัดกร่อนเกรอะกรังเป็นรูโบ๋หลายจุด มองดูอันตราย และเป็นที่น่าหวาดกลัวแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก
นายปรีชา ม่วงทองคำ อายุ 62 ปี เจ้าของบ้านกล่าวว่า ซากรถบัสคันดังกล่าวได้มีคนใช้รถยกลากมาจอดทิ้งไว้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นตนออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน มีเพียงภรรยา ลูกสาว และหลานๆอยู่บ้าน ปรากฏว่า ได้มีคนกลุ่มหนึ่ง 4-5 คน ใช้รถยกลากซากรถบัสมาจอดทิ้งไว้โดยไม่บอกล่าว หรือเข้ามาพูดคุยด้วยสักคำว่าเอามาจอดไว้ทำไม ขณะที่ลูกสาวตนหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปคนเหล่านั้นก็พยายามหลบหน้าไม่ให้ถ่าย
สำหรับถนนลูกรังที่นำซากรถบัสมาจอดทิ้งไว้นั้นเป็นถนนที่ชาวบ้านอุทิศให้เป็นทางสาธารณะตัดไปจดกับถนนหมู่บ้านเส้นเลียบริมคลองชายทะเล มีบ้านตนเพียงหลังเดียวซึ่งเป็นหลังสุดท้าย ทำให้การสัญจรต้องลำบาก เพราะซากรถบัสจอดไว้ทำให้ถนนแคบลง
นายปรีชา กล่าวว่า ปัจจุบันครอบครัวตนอาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คน มีตนกับภรรยา ลูกสาว และหลานชายหญิง อายุ 5 ขวบ กับอายุ 2 ขวบ จากเดิมไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้อยู่กันอย่างไม่สบายใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรทั้งกลางวันกลางคืนจะมองเห็นซากรถบัสคันนี้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนเมื่อมีแสงพระจันทร์สาดล่องลงมาสลัวๆ เรียกว่าชวนขนลุก โดยเฉพาะลูกหลานถึงกับหลอนผวานอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ส่วนผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหามากนักเพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสาง แต่เด็กๆ จะกลัวมาก เพราะซากรถบัสที่ทุกคนเห็นมันคล้ายรถผีสิงจึงทำให้เกิดความกลัวอย่างมาก
นายปรีชา กล่าวต่อว่า ซากรบัสดังกล่าวคาดว่าเป็นของกลุ่มนักอนุรักษ์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นำไปจอดทิ้งไว้บริเวณริมชายหาดสะพลี เพื่อนำไปทิ้งทะเลสร้างเป็นบ้านปลาปะการังเทียม แต่จอดไว้นานหลายปีแล้วก็ไม่เอาออกไปเสียที จนชาวบ้านร้องเรียนเพราะจอดไว้นาน ซากรถบัสสภาพเก่าทำให้น่ากลัวเหมือนรถผีสิง และบดบังภูมิทัศน์ความสวยงามของชายหาด
จนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้สั่งให้กลุ่มอนุรักษ์ดังกล่าวขนย้ายไปไว้ที่อื่น แต่กลับลากมาจอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านตน ซึ่งระหว่างทางที่ลากซากรถบัสได้ไปเกี่ยวเอาป้ายบอกทางขนาดใหญ่ของทางราชการพังเสียหายไปด้วย 1 อัน จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องรีบนำออกไปไว้ที่อื่นโดยเร็ว เพราะตอนนี้ลูกหลานตนต้องอยู่กันอย่างหวาดผวาเหมือนคนจิตหลอนต้องทนเห็นซากรถบัสอยู่ตลอดเวลา
นายปรีชา กล่าวว่า ที่ตนต้องร้องเรียนนักข่าวเพราะกลุ่มคนที่นำซากรถบัสมาจอดทิ้งไว้นั้นไม่ได้เข้ามาพูดคุยบอกกล่าว หรือให้เกียรติแก่ตนเจ้าของบ้านเลย และที่สำคัญครอบครัวตนมีเด็กๆ อาศัยอยู่ทำให้เกิดความหวาดกลัวอย่างมาก เด็กๆ ที่เคยมาเที่ยวเล่นกับหลานๆ ตนก็ไม่มีใครกล้ามาอีกเลย ยิ่งช่วงกลางคืนคนในบ้านก็ไม่กล้าออกไปไหน ญาติพี่น้องก็ไม่กล้ามาหา หากยังไม่มานำออกไปไว้ที่อื่นตนจะเขียนป้ายขนาดใหญ่ขึ้นติดประท้วง และร้องเรียนไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง จนกว่าจะนำซากรถบัสออกไปจากหน้าบ้านตน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านท่าเสม็ด พบกับ นายปรีชา ม่วงทองคำ อายุ 62 ปี นางยินดี ม่วงทองคำ อายุ 52 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 1 ตำบลสะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้ร้องเรียนกรณีมีกลุ่มบุคคลใช้รถยกลากซากรถบัสเก่ามาทิ้งไว้ริมถนนใกล้หน้าบ้าน โดยไม่บอกกล่าวให้รู้เลย ซึ่งซากรถบัสคันดังกล่าวถูกนำมาทิ้งไว้ริมถนนลูกรังห่างจากหน้าบ้านประมาณ 15 เมตร มีสภาพเก่าทรุดโทรมสนิมกัดกร่อนเกรอะกรังเป็นรูโบ๋หลายจุด มองดูอันตราย และเป็นที่น่าหวาดกลัวแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก
นายปรีชา ม่วงทองคำ อายุ 62 ปี เจ้าของบ้านกล่าวว่า ซากรถบัสคันดังกล่าวได้มีคนใช้รถยกลากมาจอดทิ้งไว้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นตนออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน มีเพียงภรรยา ลูกสาว และหลานๆอยู่บ้าน ปรากฏว่า ได้มีคนกลุ่มหนึ่ง 4-5 คน ใช้รถยกลากซากรถบัสมาจอดทิ้งไว้โดยไม่บอกล่าว หรือเข้ามาพูดคุยด้วยสักคำว่าเอามาจอดไว้ทำไม ขณะที่ลูกสาวตนหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปคนเหล่านั้นก็พยายามหลบหน้าไม่ให้ถ่าย
สำหรับถนนลูกรังที่นำซากรถบัสมาจอดทิ้งไว้นั้นเป็นถนนที่ชาวบ้านอุทิศให้เป็นทางสาธารณะตัดไปจดกับถนนหมู่บ้านเส้นเลียบริมคลองชายทะเล มีบ้านตนเพียงหลังเดียวซึ่งเป็นหลังสุดท้าย ทำให้การสัญจรต้องลำบาก เพราะซากรถบัสจอดไว้ทำให้ถนนแคบลง
นายปรีชา กล่าวว่า ปัจจุบันครอบครัวตนอาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คน มีตนกับภรรยา ลูกสาว และหลานชายหญิง อายุ 5 ขวบ กับอายุ 2 ขวบ จากเดิมไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้อยู่กันอย่างไม่สบายใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรทั้งกลางวันกลางคืนจะมองเห็นซากรถบัสคันนี้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนเมื่อมีแสงพระจันทร์สาดล่องลงมาสลัวๆ เรียกว่าชวนขนลุก โดยเฉพาะลูกหลานถึงกับหลอนผวานอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ส่วนผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหามากนักเพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสาง แต่เด็กๆ จะกลัวมาก เพราะซากรถบัสที่ทุกคนเห็นมันคล้ายรถผีสิงจึงทำให้เกิดความกลัวอย่างมาก
นายปรีชา กล่าวต่อว่า ซากรบัสดังกล่าวคาดว่าเป็นของกลุ่มนักอนุรักษ์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นำไปจอดทิ้งไว้บริเวณริมชายหาดสะพลี เพื่อนำไปทิ้งทะเลสร้างเป็นบ้านปลาปะการังเทียม แต่จอดไว้นานหลายปีแล้วก็ไม่เอาออกไปเสียที จนชาวบ้านร้องเรียนเพราะจอดไว้นาน ซากรถบัสสภาพเก่าทำให้น่ากลัวเหมือนรถผีสิง และบดบังภูมิทัศน์ความสวยงามของชายหาด
จนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้สั่งให้กลุ่มอนุรักษ์ดังกล่าวขนย้ายไปไว้ที่อื่น แต่กลับลากมาจอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านตน ซึ่งระหว่างทางที่ลากซากรถบัสได้ไปเกี่ยวเอาป้ายบอกทางขนาดใหญ่ของทางราชการพังเสียหายไปด้วย 1 อัน จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องรีบนำออกไปไว้ที่อื่นโดยเร็ว เพราะตอนนี้ลูกหลานตนต้องอยู่กันอย่างหวาดผวาเหมือนคนจิตหลอนต้องทนเห็นซากรถบัสอยู่ตลอดเวลา
นายปรีชา กล่าวว่า ที่ตนต้องร้องเรียนนักข่าวเพราะกลุ่มคนที่นำซากรถบัสมาจอดทิ้งไว้นั้นไม่ได้เข้ามาพูดคุยบอกกล่าว หรือให้เกียรติแก่ตนเจ้าของบ้านเลย และที่สำคัญครอบครัวตนมีเด็กๆ อาศัยอยู่ทำให้เกิดความหวาดกลัวอย่างมาก เด็กๆ ที่เคยมาเที่ยวเล่นกับหลานๆ ตนก็ไม่มีใครกล้ามาอีกเลย ยิ่งช่วงกลางคืนคนในบ้านก็ไม่กล้าออกไปไหน ญาติพี่น้องก็ไม่กล้ามาหา หากยังไม่มานำออกไปไว้ที่อื่นตนจะเขียนป้ายขนาดใหญ่ขึ้นติดประท้วง และร้องเรียนไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง จนกว่าจะนำซากรถบัสออกไปจากหน้าบ้านตน
