ตรัง - นายก อบต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง เร่งแก้ปัญหาถนนสายสิเหร่-บ้านเหนือ-บ้านทุ่งเจริญ ชำรุดระยะทางเกือบ 10 กม. หลังชาวบ้านร้องเดือดร้อนมานาน เชื่อ 30 วันสามารถดำเนินการได้ รอแค่ผู้รับเหมาเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง
จากกรณีที่นายไชยงค์ ไชยกุล กำนันตำบลบ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้านประมาณ 50 คน ได้เดินทางขอพบ นายธำรง นนทแก้ว นายก อบต.บ่อน้ำร้อน เพื่อสอบถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาถนนสายสิเหร่-บ้านเหนือ-บ้านทุ่งเจริญ ซึ่งเป็นถนนภายในหมู่บ้านที่เชื่อมต่อหลายพื้นที่ ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร มีสภาพชำรุด ผิวถนนบางช่วงเป็นลูกรัง หินคลุก และบางช่วงเป็นดินโคลน เมื่อฝนตกชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนักมานาน โดยชาวบ้านอ้างว่า เกือบ 20 ปีแล้วที่เดือดร้อนอย่างหนัก
อีกทั้งยังเป็นถนนที่นักท่องเที่ยวผ่านไปยังน้ำตกนกยูง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง หนำซ้ำยังเคยเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บ และยานพาหนะเสียหายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อทนรอว่าจะมีหน่วยงานรับผิดชอบ ก็กลับไร้วี่แวว จึงต้องรวมตัวกันเดินทางสอบถาม อบต.บ่อน้ำร้อน ว่าพอจะมีหนทางช่วยเหลือบ้างหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ชาวบ้านเจ้าของภาษีต้องทนทุกข์ยอมรับชะตากรรมต่อไป
ล่าสุดวันนี้ (3 พ.ย.) นายธำรง นนทแก้ว นายก อบต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง ได้นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปัญหาถนนสายดังกล่าวที่ชาวบ้านมีการร้องเรียน พร้อมกล่าวว่า จริงๆ แล้ว ทาง อบต.ได้มีการตั้งงบประมาณ จำนวน 450,000 บาท เพื่อปรับปรุงแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรอให้ผู้รับเหมามาทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง และรอให้สภาพพื้นผิวถนนแห้งสนิทดีก่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมอย่างหนัก ทำให้ถนนทรุดโทรมเพิ่มขึ้น อีกทั้งถนนบางจุดติดเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ซึ่งเป็นเรื่องยากในการประสานงานที่จะพัฒนาถนน
ตนเองและทีมผู้บริหารทราบดีว่า ชาวบ้านเดือดร้อน ก็ได้ประสานทาง อบจ.ตรังแล้ว เพื่อของสนับสนุนเครื่องกลให้มาช่วยปรับผิวจราจรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ส่วนถนนที่ไม่อยู่ในเขตอุทยานฯ ทุกพื้นที่ทั้งตำบล โดยคาดว่าภายใน 30 วัน ถ้าฝนไม่ตกซ้ำจนเกิดน้ำท่วม น่าจะเริ่มดำเนินการได้
ส่วนที่ชาวบ้านร้องเรียนว่า ถนนที่มีการชำรุดขาดการเหลียวแลมานากว่า 20 ปีนั้น ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ตนไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ยืนยันว่าตลอดระยะเวลา ทาง อบต.บ่อน้ำร้อน ได้มีการดูแลความทุกข์ของประชาชนมาโดยตลอด ไม่เคยทอดทิ้ง แต่ต้องเข้าใจว่างบประมาณของทางราชการบางครั้งก็ล่าช้า ซึ่งตนเองก็ได้พยายามประสานกับหน่วยงานข้างนอก เพื่อขอการสนับสนุนในทุกด้าน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านให้ดีที่สุด
