นครศรีธรรมราช - เผยคณะ “บิ๊กตู่” เปลี่ยนแผนบินประชุมผู้ว่าฯ 14 จังหวัดใต้กะทันหัน ดอดลงจอดสนามบินสุราษฎร์ฯ แล้วนั่งรถยนต์เข้าสู่นครฯ จากปัญหาสภาพอากาศ ขณะการข่าวระบุ นายกฯ ไม่อยากปะทะกลุ่มชาวสวนยาง และค้านเขื่อน แวะที่ว่าการ อ.สิชล แบบไม่บอกล่วงหน้า สร้างความตื่นตะลึงทั้งข้าราชการและประชาชน ส่วนที่โครงการพระราชดำริปากพนัง จนท.ตรวจเข้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณลานประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ ภายในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นบริเวณที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.จะนำคณะรัฐมนตรีเดินทางมาประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้เข้าควบคุมดูแลพื้นที่ทั่วบริเวณอย่างเข้มข้น โดยมีการตั้งจุดตรวจคัดกรองทั้งข้าราชการ และประชาชนก่อนเข้าพื้นที่อย่างละเอียด
ขณะที่คณะของนายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนแปลงกำหนดการในการเดินทางในช่วงเช้าของวันนี้ (3 พ.ย.) โดยเครื่องบินกองทัพบก ได้ปรับเปลี่ยนไปลงจอดที่สนามบินกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นคณะนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางด้วยขบวนรถยนต์ไปยัง จ.นครศรีธรรมราช และได้แวะตรวจเยี่ยมยังที่ว่าการ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ท่ามกลางความตกตะลึงของประชาชน และข้าราชการ
ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนกำหนดการของนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการเปลี่ยนอย่างกะทันหัน โดยเชื่อว่า นอกเหนือจากสภาพอากาศที่เป็นอุปสรรคในการบินแล้ว ยังมีการข่าวที่ระบุว่า อาจมีกลุ่มเคลื่อนไหวของชาวสวนยางพาราที่เดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ และกลุ่มเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยด้วยการสร้างเขื่อน และขุดคลองขนาดใหญ่ ซึ่งมีแผนจะเข้าไปเคลื่อนไหวในระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะเยือน จ.นครศรีธรรมราช จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการเปลี่ยนแปลงกำหนดการอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การนำ ครม.มาร่วมประชุมกับผู้ว่าฯ ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราชในวันนี้ คณะนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงพื้นที่เวลา 11.45 น. และจะมีการติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช รวมถึงอีกหลายจังหวัดของภาคใต้ โดยผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดจะต้องมีการรายงานโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุม ในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช จะมีการพูดถึงโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีงบประมาณ 9,580 ล้านบาทด้วย