ตรัง - กำนัน ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง สุดทนปัญหาถนนสายสิเหร่-บ้านเหนือ-บ้านทุ่งเจริญ ซึ่งมีสภาพชำรุดมานานเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ไร้หน่วยงานไหนเหลียวแล นำชาวบ้านบุก อบต.พบผู้บริหาร จี้เร่งหาทางแก้ไขปัญหาโดยด่วน
วันนี้ (1 พ.ย.) นายไชยงค์ ไชยกุล กำนันตำบลบ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้านประมาณ 50 คน ได้เดินทางขอพบ นายธำรง นนทแก้ว นายก อบต.บ่อน้ำร้อน เพื่อสอบถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาถนนสายสิเหร่-บ้านเหนือ-บ้านทุ่งเจริญ ซึ่งเป็นถนนภายในหมู่บ้านที่เชื่อมต่อหลายพื้นที่ ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร
แต่ล่าสุด มีสภาพชำรุด ผิวถนนบางช่วงเป็นลูกรัง หินคลุก และบางช่วงเป็นดินโคลน เมื่อพอฝนตกชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนักมานานเกือบ 20 ปีแล้ว อีกทั้งยังเป็นถนนที่นักท่องเที่ยวผ่านไปยังน้ำตกนกยูง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง หนำซ้ำยังเคยเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้บาดเจ็บ และยานพาหนะเสียหายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อทนรอว่าจะมีหน่วยงานรับผิดชอบก็กลับไร้วี่แวว จึงต้องรวมตัวกันเดินทางสอบถาม อบต.บ่อน้ำร้อน ว่า พอจะมีหนทางช่วยเหลือบ้างหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ชาวบ้านเจ้าของภาษีต้องทนทุกข์ยอมรับชะตากรรมต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมพูดคุยเจรจากันถึงเหตุผลความจำเป็น โดยฝ่ายชาวบ้านอ้างว่า เพราะเดือดร้อน และทนไม่ได้อีกต่อไป
ดังนั้น ผู้บริหาร อบต.บ่อน้ำร้อน ในฐานะผู้รับรับผิดชอบพื้นที่ต้องหาวิธีเร่งด่วนแก้ปัญหาถนนเส้นดังกล่าวให้เร็วที่สุด อีกทั้งชาวบ้านยังระบุว่า นายก อบต.บริหารงานผิดพลาด เนื่องจากปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่มีอยู่เฉพาะหน้า แต่กลับไม่ยอมแก้ไข และนำงบประมาณไปซื้อรถดับเพลิง มูลค่าเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังให้เหตุผลอีกว่า ที่ผ่านมา อบต.บ่อน้ำร้อน อ้างว่าถนนสายนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ แต่ในความเป็นจริงถนนเส้นดังกล่าวมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ติดเขตอุทยานฯ
นายไชยงค์ ไชยกุล กำนันตำบลบ่อน้ำร้อน กล่าวว่า ถ้าชาวบ้านไม่เดือดร้อนจริงๆ คงไม่มีใครอยากเดินทางมาที่ อบต. เพราะทุกคนต่างต้องดิ้นรนทำมาหากิน จึงไม่มีใครอยากมารบกวนทำให้ นายก อบต. และผู้บริหาร อบต.เดือดร้อน แต่เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านทนไม่ไหวจริงๆ และเคยมาประสานขอให้มีการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเรื่องถนนเส้นดังกล่าวต่อทาง อบต.แล้วหลายครั้ง แต่ก็ไร้วี่แวว โดยอ้างเพียงว่า ติดอยู่ในเขตอุทยานฯ และทำอะไรไม่ได้ เพราะอุทยานฯ ไม่อนุญาต ทั้งๆ ที่พวกตนเอง และชาวบ้านต่างรู้ว่าทุกอย่างมีทางออก แต่กลับไม่ยอมทำ หรือทำทองไม่รู้ร้อนกัน จึงจำเป็นต้องมาสอบถามด้วยตนเองว่าพอจะมีหนทางแก้ปัญหานี้หรือไม่ ก่อนที่ชาวบ้านจะสุดทน หรือดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่งอาจจะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สบายใจกัน
ด้านนายธำรง นนทแก้ว นายก อบต.บ่อน้ำร้อน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ตนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามประสานงานเจรจากับทุกฝ่าย ทั้งอุทยานฯ และ อบจ.ตรัง เพื่อขอสนับสนุนเครื่องจักรกลให้มาปรับผิวจราจร เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้ได้ ซึ่งก็มีการรับปากกันไว้แล้ว และพยายามจะแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด