พัทลุง - ประชาชนชาวพัทลุงร่วมบรรพชาอุปสมบทหมู่ ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อุโบสถวัดถ้ำสุมะโน ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เป็นประธานพิธีอุปสมบท โครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
ทั้งนี้ ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมกำหนดวันสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยลเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2560 โดยวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560
ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไปมีความประสงค์ที่จะอุปสมบทศึกษาเรียนรู้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และนำมาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบให้ทุกจังหวัดจัดพิธีอุปสมบทหมู่ขึ้น
สำหรับในส่วนของจังหวัดพัทลุง มีผู้จิตศรัทธาทั้งที่เป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไปขอเข้ารับการอุปสมบททั้งสิ้น 133 คน โดยมีพระเทพสิทธิมุนี เจ้าคณะภาค 18 เจ้าอาวาสวัดดุสิดาราวมวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่งเมื่อทำการอุปสมบทเสร็จสิ้นแล้ว พระภิกษุทั้งหมด 133 รูป จะอยู่ปฏิบัติธรรม ณ วัดถ้ำสุมะโน จำนวน 91 รูป และอยู่ปฏิบัติธรรม ณ วัดลานแซะ ตำบลนาขนาด อำเภอควนขนุน จำนวน 52 รูป
และโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในการเปิดประชุมใหญ่ของสมาคมพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 28 เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2523 ความว่า
“… พุทธธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาแสดงความจริงแท้ ที่เห็นแจ้งโดยปัญญาของพระอริยะ จึงเป็นคำสอนอย่างประเสริฐที่จะพึงศึกษาให้เห็นให้เข้าใจ ตามด้วยการเพ่งพินิจ มิใช่เข้าใจเอาง่ายๆ โดยไม่อาศัยความพิจารณาไตร่ตรองให้ทั่วถึง เพราะหาไม่จะกลายเป็นความรู้ผิด เห็นผิด เป็นธรรมปฏิรูปไป ท่านทั้งหลายมาร่วมกันปฏิบัติงานด้านส่งเสริมทำนุบำรุงพระศาสนา ตลอดจนศีลธรรมจรรยาของประชาชน ย่อมมีหน้าที่ต้องศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม และเผยแพร่ธรรมอยู่ตลอดเวลา สมควรอย่างยิ่งที่จะศึกษา ปฏิบัติ และเผยแพร่ด้วยความระมัดระวังตั้งใจอย่างที่สุด เพื่อให้ได้เนื้อแท้ที่เที่ยงตรงตามพุทธบัญญัติ และพุทธาธิบาย การบำเพ็ญกรณียกิจของท่านในด้านจรรโลงพระศาสนา จึงจะอำนวยผลอันบริสุทธิ์และบริบูรณ์ทุกแง่ทุกส่วน ตามศรัทธาและความปรารถนาที่ตั้งไว้ …”
