ชุมพร - ชัดเจน! ชาวบ้านโหวตเอกฉันท์ลงเสียงประชามติไม่เอา สจล.ชุมพร หลังยึดธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ ศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งท่องเที่ยวกินปูห้อยขา อ้างฮั้วกลุ่มนายทุนเข้ามาทำธุรกิจ สร้างความขัดแย้งในพื้นที่
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านชุมชนบ้านเกาะเตียบ หมู่ที่ 7 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร นายวิทยา สุวรรณสิทธิ์ ปลัดฝ่ายปกครองอำเภอปะทิว พ.ต.สังคม รองมาลี ผบ.ชป.1 มว.รส.บก.ควบคุม มทบ.44 นายดุสิต ศักรกานต์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร นางวนิดา นพเกื้อ เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง( สจล.) วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ นายภารดร ศรีชลธาร นายก อบต.ปากคลอง นายสมโภชน์ อุบลกาญจน์ กำนันตำบลปากคลอง พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้านประมาณ 100 คน ได้เปิดเวทีแสดงความคิดเห็นลงเสียงประชามติกรณีความขัดแย้งเรื่องศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง “กินปูห้อยขา” ระหว่างชาวบ้าน กับ สจล.ชุมพร ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี
ในที่ประชุมชาวบ้าน ชาวประมง ผู้นำชุมชนได้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายถึงความขัดแย้งกรณีดังกล่าว โดยกล่าวหาว่า สจล.ชุมพร เข้าไปดำเนินการเกี่ยวกับธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของชุมชน โดยเข้ามายึด และใช้สถานที่แห่งนี้ทำธุรกิจท่องเที่ยวร่วมกับนายทุน ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำอย่างผิดกฎหมาย โดยชุมชนไม่มีส่วนร่วม และไล่ชาวประมงพื้นบ้านไม่ให้เข้าไปจับปลาบริเวณใกล้เคียง จนเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันมาตลอดมา และชาวบ้านไม่ต้องการให้ทาง สจล.ชุมพร เข้ามาดำเนินการใดๆ ต่อธนาคารปูแห่งนี้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชุมชนอีกต่อไป ในขณะที่ตัวแทนจาก สจล.ชุมพร ไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ จากกรณีดังกล่าว
ผู้สื่อสื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเปิดให้ชาวบ้าน และผู้เกี่ยวข้องแสดงความคิดเห็นทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกรณีดังกล่าว โดยใช้เวลายืดเยื้อนานหลายชั่วโมง จนประธานที่ประชุมได้ให้ชาวบ้านทุกคนที่เกี่ยวข้องโหวตเสียงลงประชามติด้วยการยกมือ ว่า จะให้ สจล.ดำเนินการบริหารจัดการต่อธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ อีกต่อไปหรือไม่ โดยมีชาวบ้านยกมือไม่เห็นด้วยจำนวน 82 เสียง และเห็นด้วยเพียง 1 เสียงเท่านั้น
นายวิทยา สุวรรณสิทธิ์ ปลัดฝ่ายปกครองอำเภอปะทิว ประธานการประชุมกล่าวว่า จะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมด และการออกเสียงประชามติครั้งนี้รายงานให้ผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้รับทราบถึงความต้องการของชุมชนเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต่อไป
ด้าน นายดำ ชัยวิศิษย์ ประธานธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจาก นายจาง ฟุ้งเฟื้อง ผู้ก่อตั้งธนาคารปูแห่งนี้ ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศไทยได้เสียชีวิตไปเมื่อราว 5 ปี ที่ผ่านมา ต่อมา ทาง อบต.ปากคลอง และชุมชนได้มอบหมายให้ สจล.ชุมพร เข้ามาดำเนินการเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือให้ความรู้ทางด้านวิชาการ แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สจล.ชุมพร ทำผิดเงื่อนไข ปล่อยให้เอกชนก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลงไปในน่านน้ำโดยไม่ได้ขออนุญาตอย่างผิดกฎหมาย
มีการดึงธุรกิจกลุ่มทุนท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ มีการจัดเก็บค่าหัว ค่าใช้จ่าย มีการจำหน่ายสินค้า อาหาร ทำเป็นธุรกิจลักษณะเหมือนธนาคารปูแห่งนี้เป็นของ สจล.ชุมพร และไม่เคยเสียภาษีให้แก่ท้องถิ่น โดยชุมชนถูกกีดกันไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมเหมือนอดีตที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่น และอาชีพประมง จนกลายเป็นความขัดแย้งตลอดมา ทั้งๆ ที่ชุมชนเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาเอง หลังจากการลงประชามติชาวบ้านไม่ให้ สจล.ชุมพร เข้ามาดำเนินการเกี่ยวกับธนาคารปูแห่งนี่อีกต่อไป จากนี้ชุมชนก็จะดำเนินการร่วมกับผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านชุมชนบ้านเกาะเตียบ หมู่ที่ 7 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร นายวิทยา สุวรรณสิทธิ์ ปลัดฝ่ายปกครองอำเภอปะทิว พ.ต.สังคม รองมาลี ผบ.ชป.1 มว.รส.บก.ควบคุม มทบ.44 นายดุสิต ศักรกานต์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร นางวนิดา นพเกื้อ เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง( สจล.) วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ นายภารดร ศรีชลธาร นายก อบต.ปากคลอง นายสมโภชน์ อุบลกาญจน์ กำนันตำบลปากคลอง พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้านประมาณ 100 คน ได้เปิดเวทีแสดงความคิดเห็นลงเสียงประชามติกรณีความขัดแย้งเรื่องศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง “กินปูห้อยขา” ระหว่างชาวบ้าน กับ สจล.ชุมพร ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี
ในที่ประชุมชาวบ้าน ชาวประมง ผู้นำชุมชนได้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายถึงความขัดแย้งกรณีดังกล่าว โดยกล่าวหาว่า สจล.ชุมพร เข้าไปดำเนินการเกี่ยวกับธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของชุมชน โดยเข้ามายึด และใช้สถานที่แห่งนี้ทำธุรกิจท่องเที่ยวร่วมกับนายทุน ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำอย่างผิดกฎหมาย โดยชุมชนไม่มีส่วนร่วม และไล่ชาวประมงพื้นบ้านไม่ให้เข้าไปจับปลาบริเวณใกล้เคียง จนเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันมาตลอดมา และชาวบ้านไม่ต้องการให้ทาง สจล.ชุมพร เข้ามาดำเนินการใดๆ ต่อธนาคารปูแห่งนี้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชุมชนอีกต่อไป ในขณะที่ตัวแทนจาก สจล.ชุมพร ไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ จากกรณีดังกล่าว
ผู้สื่อสื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเปิดให้ชาวบ้าน และผู้เกี่ยวข้องแสดงความคิดเห็นทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกรณีดังกล่าว โดยใช้เวลายืดเยื้อนานหลายชั่วโมง จนประธานที่ประชุมได้ให้ชาวบ้านทุกคนที่เกี่ยวข้องโหวตเสียงลงประชามติด้วยการยกมือ ว่า จะให้ สจล.ดำเนินการบริหารจัดการต่อธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ อีกต่อไปหรือไม่ โดยมีชาวบ้านยกมือไม่เห็นด้วยจำนวน 82 เสียง และเห็นด้วยเพียง 1 เสียงเท่านั้น
นายวิทยา สุวรรณสิทธิ์ ปลัดฝ่ายปกครองอำเภอปะทิว ประธานการประชุมกล่าวว่า จะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมด และการออกเสียงประชามติครั้งนี้รายงานให้ผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้รับทราบถึงความต้องการของชุมชนเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต่อไป
ด้าน นายดำ ชัยวิศิษย์ ประธานธนาคารปูชุมชนบ้านเกาะเตียบ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจาก นายจาง ฟุ้งเฟื้อง ผู้ก่อตั้งธนาคารปูแห่งนี้ ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศไทยได้เสียชีวิตไปเมื่อราว 5 ปี ที่ผ่านมา ต่อมา ทาง อบต.ปากคลอง และชุมชนได้มอบหมายให้ สจล.ชุมพร เข้ามาดำเนินการเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือให้ความรู้ทางด้านวิชาการ แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สจล.ชุมพร ทำผิดเงื่อนไข ปล่อยให้เอกชนก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลงไปในน่านน้ำโดยไม่ได้ขออนุญาตอย่างผิดกฎหมาย
มีการดึงธุรกิจกลุ่มทุนท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ มีการจัดเก็บค่าหัว ค่าใช้จ่าย มีการจำหน่ายสินค้า อาหาร ทำเป็นธุรกิจลักษณะเหมือนธนาคารปูแห่งนี้เป็นของ สจล.ชุมพร และไม่เคยเสียภาษีให้แก่ท้องถิ่น โดยชุมชนถูกกีดกันไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมเหมือนอดีตที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่น และอาชีพประมง จนกลายเป็นความขัดแย้งตลอดมา ทั้งๆ ที่ชุมชนเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาเอง หลังจากการลงประชามติชาวบ้านไม่ให้ สจล.ชุมพร เข้ามาดำเนินการเกี่ยวกับธนาคารปูแห่งนี่อีกต่อไป จากนี้ชุมชนก็จะดำเนินการร่วมกับผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป
