xs
xsm
sm
md
lg

แม่ไม้การเมือง(๓) : “เมืองคอนไม่ปลอดภัยสำหรับโจร” / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สัมพันธ์ ทองสมัคร (ซ้าย) สมนึก เกตุชาติ (ขวา)
 
คอลัมน์  :  คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย
----------------------------------------------------------------------------------------
 
 
ช่วงปี ๒๕๒๕-๒๕๓๐ ผมเป็นครูสังกัดโรงเรียนประถมที่บ้านอายเลา อำเภอร่อนพิบูลย์ และเป็นครูมัธยมที่โรงเรียนชะอวดวิทยาคาร จังหวัดนครศรีธรรมราช
 
สมัยนั้นเป็นช่วงที่สนามการเมืองนครฯ ดุเดือดเลือดพล่าน
 
ขับเคี่ยวกันระหว่าง พรรค ปชป. ที่มีขุนพลคนสำคัญชื่อ สัมพันธ์ ทองสมัคร คู่บามีของ ท่านสุรินทร์ มาศดิตถ์

กับตระกูล “เกตุชาติ” ที่คุมทั้งเทศบาลและจังหวัดโดยสี่พี่น้องคือ “นิเวศน์-สมนึก-ปรีชา-วิโชติ”
 
โดยมีนายตำรวจที่ชื่อ สรรเพชร ธรรมาธิกุล เป็นฝ่ายเสริมพรรค ปชป. และ นายสุกรี รักษ์ศรีทอง ผู้ว่าฯ ชาว อ.ทุ่งสง เป็นแนวร่วมวิถีโค้งให้ตระกูลเกตุชาติ


ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งระดับชาติ ทั้งก่อนและหลังทราบผลการเลือกตั้ง เรามักจะเห็นแผ่นป้ายผ้าสีดำ ตัวหนังสือสีขาว หรือผ้าสีขาว ตัวหนังสือสีดำ เขียนข้อความตัวโตๆ เห็นมาแต่ไกลว่า
 
“เมืองคอนไม่ปลอดภัยสำหรับโจร”
 
หรือ


“ขอบคุณที่คนคอนไม่เลือกโจร”
 
ปิดอยู่หน้ากองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช บริเวณตลาดแขก ซึ่งคนคอนส่วนใหญ่รู้ดีว่า “โจร” บนแผ่นป้ายนั้นหมายถึงใคร


บนเวทีปราศรัยหารเสียงของพรรค ปชป. ที่นำทีมโดย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร หรือ “หมอผี” มักจะมีการพาดพิงถึงตระกูล “เกตุชาติ” ต่างๆ นานาในลักษณะ “สำหนวน” หรือ “เท้ง” หรือ “เกทับ”
 
เช่นในการปราศรัยที่หลังสถานีรถไฟกลางเมืองนครศรีธรรมราช สัมพันธ์กล่าวติดตลก พูดพลางหัวเราะหรืออมยิ้มพลางว่า
 
“ผมไปหาเสียงรอบนอก เด็กแลวัวกลางท่องมันท่องกลอนให้ผมฟังว่า มีคนผูกคำคล้องจองถึงตระกูลเกตุชาติว่า ‘วิโชติคุมบาร์ ปรีชาคุมบ่อน นิเวศน์คุมเมืองคอน สมนึกคุมเทศบาล’…”


แต่ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า เด็กแลวัวเป็นคนท่องกลอน หรือคำคล้องจองนี้ให้ท่านสัมพันธ์ฟัง โดยเฉพาะผม เพราะใครต่อใครต่างก็รู้แก่ใจดีว่า ท่านสัมพันธ์เป็นนักกลอน เป็นนักหนังสือพิมพ์ และที่สำคัญท่านเป็นจอม “สำหนวน” เกทับบลัฟแหลกคู่ต่อสู้ทางการเมืองอยู่แล้ว
 
จน ชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ สมัยอยู่พรรคก้าวหน้า และเป็นคู่ต่อสู้คนสำคัญของพรรค ปปช. เคยถูกตั้งสมญาจากท่านสัมพันธ์ว่า “ไอ้คอม” และชำนิโต้กลับว่า “โหมหกค่ำ” ซึ่งไม่ได้หมายถึงข้างขึ้นข้างแรมตามจันทรคติ แต่หมายถึงพูดโกหกแต่เช้าจดค่ำ หรือโกหกตลอดเวลานั่นเอง
 
ความหวายของคำคล้องจองของท่านสัมพันธ์ที่ว่า “วิโชติคุมบาร์” เพราะ วิโชติ เกตุชาติ น้องเล็กของสี่พี่น้องมีกิจการเกี่ยวกับสถานบันเทิง ชื่อบาร์วิมานหรือพิมานนี่แหละ อยู่ในเมืองนครฯ และเป็นคู่แข่งคนสำคัญทางการเมืองระดับชาติของพรรค ปชป. ที่ลงสมัครในนามพรรคกิจสังคม แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง
 
“ปรีชาคุมบ่อน” หมายถึง ปรีชา เกตุชาติ คนกว้างขวางแถวหัวสะพานชะเมา นักเลงวัวชน เจ้าของบ่อนวัวชน และเป็นผู้มีอิทธิพล มากบารมีกว่าพี่น้องคนอื่นในสายตาของคู่แข่งทางการเมือง โดยเฉพาะนายสัมพันธ์ ทองสมัคร ที่เคยกล่าวต่อสาธารณชนว่า “อ้ายชามันขี้ยิง” หมายถึงปรีชาเป็นคนดุ ชอบใช้ความรุนแรง เพราะพูดไม่เก่ง และมีข่าวระหองระแหงกับสัมพันธ์อยู่บ่อยครั้ง
 
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปฟังการปราศรัยของสัมพันธ์ที่สนามหน้าเมือง พอไฟดับลงกะทันหันขณะกำลังปราศรัยติดพัน พอสักพักไฟติด คนหน้าเวทีพบว่าสัมพันธ์กำลังลุกขึ้นจากการหมอบราบบนเวที ลุกขึ้นได้ก็เดินไปที่โพเดียมแล้วพูดติดตลกว่า “เราต้องหมอบไว้ก่อน อ้ายชามันขี้ยิง”


“นิเวศน์คุมเมืองคอน” หมายถึง นิเวศน์ เกตุชาติ ประธานสภาจังหวัดนครศรีธรรมราชหลายสมัย เป็นพี่ใหญ่ของตระกูล เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คนทั่วไปให้ความเคารพนับถือ โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่น
 
“สมนึกคุมเทศบาล” หมายถึง สมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีเมืองนครศรีธรรมราชหลายสมัย
 
ครั้งหนึ่งผู้สื่อข่าวไปพบสมนึกเดินตรวจงานอยู่คนเดียวข้างถนน โดยไม่มีมือปืนหรือคนติดตาม จึงถามว่า “เห็นเขาว่าพวกท่านเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ไม่เห็นมีใครติดตาม ไม่เหมือนนักการเมืองที่บอกว่าท่านเป็นผู้มีอิทธิพล ไปไหนมาไหนต้องมีรถนำ มีผู้ติดตามเป็นพรวน”
 
ท่านสมนึกก็ตอบแบบยิ้มๆ ว่า “นั่นสิ ผมก็สงสัยว่าท่านกลัวใครที่ต้องมีคนติดตาม เพราะผมผู้มีอิทธิพลตามที่ท่านกล่าวหา ก็ไม่เคยมีใครคุ้มครอง ไปไหนมาไหนผมไปคนเดียวตลอด”
 
ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายจบบทบาททางการเมืองจนเกือบจะสิ้นเชิงแล้ว จะมีก็แต่ตำนานแห่งการต่อสู้ ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชนะมาตลอด และรุกคืบเข้าไปในทุกพื้นที่ของอีกฝ่ายหนึ่ง และบางคนก็จบชีวิตไปแล้ว เหลือแต่เรื่องเล่าในมุมใดมุมหนึ่ง แล้วแต่ใครจะเลือกหยิบมาเล่า
 
สำหรับผมจะถูกจะผิดอย่างไร ผมมักจะเห็นใจมวยรอง หรือคนไม่ค่อยดีในสายตาของผู้ชนะมาตลอด เพราะผมเชื่อว่าสังคมนี้ มีทั้งกระบวนการทำให้ศักดิ์สิทธิ์ และทำให้เสื่อม แล้วแต่ใครจะได้ประโยชน์จากทางไหนเป็นสำคัญ.
 
กำลังโหลดความคิดเห็น