xs
xsm
sm
md
lg

ระบุชัด “เลพัง” เป็นลูกผสม หมดสิทธิคืนธรรมชาติ แนะจัดที่อยู่ใช้ฟื้นฟูจระเข้น้ำเค็ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “เลพัง” หมดสิทธิกลับสู่ธรรมชาติ! ผลตรวจระบุชัดเป็นพันธ์ลูกผสมระหว่างจระเข้น้ำจืด-น้ำเค็ม คาดเกิดจากการเลี้ยง ไม่สามารถปล่อยกลับธรรมชาติได้ ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เผยรอความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องเลพัง ขณะนักวิชาการเสนอสร้างที่อยู่เฉพาะให้เป็นแหล่งเรียนรู้ฟื้นฟูจระเข้น้ำเค็มให้กลับมา

จากรณีมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถ่ายภาพจระเข้ขนาดใหญ่กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล ใกล้กับหาดเลพัง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และมีการนำภาพดังกล่าวไปแชร์ในโลกโซเชียล จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง และมีหลายภาคส่วนเรียกร้องให้ทางจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จนกระทั่งมีการลงพื้นที่ตรวจสอบ และมีรายงานว่า มีการพบจระเข้ขนาดใหญ่อีกครั้งในขุมน้ำขนาดใหญ่ซี่งอยู่ใกล้กับหาดเลพัง

หลังจากนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้แต่งตั้งคระทำงานเพื่อจับจระเข้ตัวดังกล่าว ซึ่งมีการประสานความร่วมมือระหว่างจังหวัด อำเภอ สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดไกรทองจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้งภาคเอกชน ร่วมกันจับจระเข้ตัวดังกล่าว จนกระทั่งวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ทีมไกรทองจากภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี ชาวประมงพื้นบ้าน ภาคเอกชน สามารถจับจระเข้ตัวดังกล่าวได้ และนำมาดุแลเป็นการชั่วคราวที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เขต5 (ภูเก็ต) เพื่อรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสายพันธุ์ให้ชัดเจน

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ สัตวแพทย์จากมหิดล ได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อหาแนวทางในการดุแลจระเข้เลพัง ที่ทางเจ้าหน้าที่จับได้ รวมทั้งเพื่อตรวจสอบสายพันธุ์ที่แท้จริงว่า เลพัง เป็นจระเข้อะไร ระหว่างจระเข้น้ำเค็ม หรือจระเข้น้ำจืด

จนกระทั่งล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ผลตรวจดังกล่าวได้ส่งกลับมาแล้ว โดยผลตรวจระบุชัดว่า จากการตรวจดีเอ็นเอจระเข้ดังกล่าวเป็นพันธุ์ผสมระหว่างจระเข้น้ำจืด หรือจระเข้สยามกับจระเข้น้ำเค็ม สุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่ก้าวร้าว ซึ่งนอกจากจะส่งผลตรวจทางผู้เชี่ยวชาญยังได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางในการดูแล และปฏิบัติต่อจระเข้เลพัง ดังนี้ 1.ผลยืนยันทางพันธุกรรมเป็นจระเข้ลูกผสม และประวัติการพบเห็นในธรรมชาติบริเวณพื้นที่ไม่เคยมีการพบเห็นจระเข้น้ำเค็มมาก่อน จึงเชื่อว่า จระเข้ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้ที่เกิดจากฟาร์ม หรือมีการเลี้ยง แต่หลุดออกไปสู่ธรรมชาติโดยไม่ทราบสาเหตุ และแหล่งที่มา

2.เมื่อจระเข้ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้พันธุ์ผสม จึงไม่สามารถปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ หรือนำไปใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมจระเข้แท้ได้ 3.ทางออกของจระเข้ตัวนี้ถือเป็นทางออกของการฟื้นฟูจระเข้น้ำเค็ม โดยเป็นตัวกระตุ้นความตระหนักของการมีจระเข้อีกครั้งในแหล่งควบคุมที่เป็นแหล่งเดิม อย่างเช่น พรุไม้ขาว ด้วยการทำพื้นที่แยกลูกจระเข้ผสมให้เป็นสัดส่วน นำจระเข้น้ำเค็มพันธุ์แท้ขนาด และจำนวนที่เหมาะสมเข้ามาเลี้ยงในบริเวณที่ควบคุมที่เป็นธรรมชาติ โดยจัดตั้งเป็นแหล่งเรียนรู้อนุรักษ์และเพาะพันธุ์จระเข้ของภูเก็ตต่อไป

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ทางประมงได้ส่งรายงานผลการตรวจมาให้ทางจังหวัดภูเก็ตแล้ว ซึ่งทราบว่า ทางอธิบดีกรมประมง จะแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง ส่วนแนวทางในการดำเนินการต่อไปหลังจากทราบผลก็คงจะต้องให้กรมประมงเป็นคนดำเนินการ แต่ขณะนี้ไม่สามารถปล่อยกลับสู่ธรรมชาติได้อย่างแน่นอน ส่วนจระเข้ตัวดังกล่าวมาจากไหน มีคนเลี้ยง หรือหลุดจากฟาร์มขณะนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างการจรวจสอบ เนื่องจากพื้นที่บริเวณใกล้เคียงก่อนหน้านี้ก็มีฟาร์มเลี้ยงจระเข้ แต่เพิ่งเลิกกิจการไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่ามีชาวต่างชาติเลี้ยงจระเข้ และนำมาปล่อยสู่ธรรมชาติ เรื่องนี้ทางจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตรวจสอบ และให้ผู้นำชุมชนออกหาข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ก็ยังเฝ้าติดตามตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับจระเข้เลพัง คงจะต้องรอดุความชัดเจนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น