ชุมพร - เอาจริง! สั่งปิดอาคารบ้านรังนกนางแอ่นผิดกฎหมายกว่า 20 แห่ง ภายใน 30 วัน หลังชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรม สร้างต่อเติมดัดแปลงผิดแบบ ทำเดือดร้อนรำคาญ ทั้งขี้ กลิ่น เสียง เชื้อโรค

เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เขตเทศบาลตำบลมาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังมีชาวบ้านร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปะทิว ว่า มีผู้ประกอบใช้อาคารพาณิชย์ที่อยู่อาศัยต่อเติมดัดแปลงสร้างเป็นบ้านให้นกนางแอ่นเข้าอยู่อาศัย ทำรัง เพื่อเก็บรังไปขายมีราคาแพงกิโลกรัมละหลายหมื่น สร้างรายได้ปีละหลายล้านบาท จนกลายเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูทางภาคใต้อยู่ขณะนี้ แต่บ้านรังนกดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจทั้งเรื่องกลิ่น เสียง เชื้อโรคตัวไรมูลจากนกนางแอ่นเป็นอย่างมาก
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า มีอาคารพาณิชย์เป็นตึกสูง 3-4 ชั้น จำนวนหลายหลังที่เจ้าของซื้อไว้ทำธุรกิจ และพักอาศัยมาก่อนในเขตเทศบาลตำบลมาบอำมฤต ต่อมา ผู้ประกอบการได้มีการดัดแปลงต่อเติมสร้างเป็นบ้านให้นกนางแอ่นเข้ามาอยู่อาศัยทำรัง โดยปิดกั้นอาคารจนทึบทั้งหมดทุกด้าน แล้วเจาะเป็นช่องรูขนาด 50x50 เซนติเมตร ไว้บนชั้นบนสุดของอาคาร เพื่อให้นกนางแอ่นบินเข้าออกได้
น.ส.ประภัสสร เกตุแก้ว อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/1 หมู่ 13 เขตเทศบาลตำบลมาบอำมฤต อ.ปะทิว กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าขาย และมีบ้านอยู่ติดกับบ้านรังนกนางแอ่น ปัจจุบัน ตนไม่สามารถทนต่อความเดือดร้อนรำคาญต่อเสียงเทปที่เปิดเรียกนกดังลั่นนานหลายชั่วโมงทุกวันตั้งแต่เช้ามืดจนถึงกลางดึก นอกจากนั้น ช่วงเช้ามืด และพลบค่ำจะมีนกนางแอ่นนับหมื่นตัวบินวนเข้าออกในบ้านรังนก ซึ่งจะมีทั้งเสียง กลิ่น ขี้ และตัวไรนก ร่วงหล่นลงมาบนหลังคาบ้าน โดยเฉพาะช่วงที่มีฝนตก และแดดออกจะมีกลิ่นฉุนเหม็นอับเหมือนแก๊ส สร้างความเดือดร้อนรำคาญส่งผลต่อสุขภาพ และจิตใจเป็นอย่างมาก และขณะนี้กำลังมีการก่อสร้าง และต่อเติมอาคารพาณิชย์ทำบ้านรังนกขึ้นมาอีกหลายหลัง จนชาวบ้านต้องรวมตัวกันไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปะทิว ดังกล่าว

ด้าน นายจิรวัฒน์ โพธารส นิติกรชำนาญการ เทศบาลตำบลมาบอำฤต กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอปะทิว พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและประชุมร่วมกัน พบว่า เป็นจริงตามร้องเรียน พบมีบ้านรังนกที่ต่อเติมจากอาคารพาณิชย์ที่อยู่อาศัยทำเป็นบ้านรังนกนางแอ่น จำนวน 13 แห่ง และกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 7 แห่ง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า เป็นการทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร โดยทางนายอำเภอปะทิว ได้สั่งการให้เทศบาลตำบลมาบอำฤต ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อผู้ประกอบการรังนกนางแอ่นทุกราย และให้แจ้งผู้ประกอบการหยุดการดำเนินกิจการภายใน 30 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการในวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคมนี้
นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอปะทิว กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีชาวบ้านร้องเรียนมานานแล้ว และตนได้พยายามไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่กันได้ และได้ทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างชาวบ้าน และผู้ประกอบการ แต่เมื่อถึงเวลาไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้ จนมีการร้องเรียนขึ้นมาอีก โดยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอปะทิว ปลัดอาวุโสอำเภอปะทิว ปลัดเทศบาลตำบลมาบอำมฤต และผู้เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบพบเป็นความจริง โดยเฉพาะความผิดชัดเจนเกี่ยวกับการก่อสร้างต่อเติมอาคารพาณิชย์ทำเป็นบ้านรังนกนางแอ่น และเรื่องของมูลนก ตัวไร กลิ่น และเสียง ได้ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
“หลังการตรวจสอบในพื้นที่ตนได้ประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยผลการประชุมสรุปให้เทศบาลตำบลมาบอำมฤต บังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชุมพร พ.ศ.2560 โดยเคร่งครัด และให้แจ้งผู้ประกอบการหยุดการดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนดังกล่าวภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง” นายอำเภอปะทิว กล่าว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เขตเทศบาลตำบลมาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังมีชาวบ้านร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปะทิว ว่า มีผู้ประกอบใช้อาคารพาณิชย์ที่อยู่อาศัยต่อเติมดัดแปลงสร้างเป็นบ้านให้นกนางแอ่นเข้าอยู่อาศัย ทำรัง เพื่อเก็บรังไปขายมีราคาแพงกิโลกรัมละหลายหมื่น สร้างรายได้ปีละหลายล้านบาท จนกลายเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูทางภาคใต้อยู่ขณะนี้ แต่บ้านรังนกดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจทั้งเรื่องกลิ่น เสียง เชื้อโรคตัวไรมูลจากนกนางแอ่นเป็นอย่างมาก
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า มีอาคารพาณิชย์เป็นตึกสูง 3-4 ชั้น จำนวนหลายหลังที่เจ้าของซื้อไว้ทำธุรกิจ และพักอาศัยมาก่อนในเขตเทศบาลตำบลมาบอำมฤต ต่อมา ผู้ประกอบการได้มีการดัดแปลงต่อเติมสร้างเป็นบ้านให้นกนางแอ่นเข้ามาอยู่อาศัยทำรัง โดยปิดกั้นอาคารจนทึบทั้งหมดทุกด้าน แล้วเจาะเป็นช่องรูขนาด 50x50 เซนติเมตร ไว้บนชั้นบนสุดของอาคาร เพื่อให้นกนางแอ่นบินเข้าออกได้
น.ส.ประภัสสร เกตุแก้ว อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/1 หมู่ 13 เขตเทศบาลตำบลมาบอำมฤต อ.ปะทิว กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าขาย และมีบ้านอยู่ติดกับบ้านรังนกนางแอ่น ปัจจุบัน ตนไม่สามารถทนต่อความเดือดร้อนรำคาญต่อเสียงเทปที่เปิดเรียกนกดังลั่นนานหลายชั่วโมงทุกวันตั้งแต่เช้ามืดจนถึงกลางดึก นอกจากนั้น ช่วงเช้ามืด และพลบค่ำจะมีนกนางแอ่นนับหมื่นตัวบินวนเข้าออกในบ้านรังนก ซึ่งจะมีทั้งเสียง กลิ่น ขี้ และตัวไรนก ร่วงหล่นลงมาบนหลังคาบ้าน โดยเฉพาะช่วงที่มีฝนตก และแดดออกจะมีกลิ่นฉุนเหม็นอับเหมือนแก๊ส สร้างความเดือดร้อนรำคาญส่งผลต่อสุขภาพ และจิตใจเป็นอย่างมาก และขณะนี้กำลังมีการก่อสร้าง และต่อเติมอาคารพาณิชย์ทำบ้านรังนกขึ้นมาอีกหลายหลัง จนชาวบ้านต้องรวมตัวกันไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปะทิว ดังกล่าว
ด้าน นายจิรวัฒน์ โพธารส นิติกรชำนาญการ เทศบาลตำบลมาบอำฤต กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอปะทิว พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและประชุมร่วมกัน พบว่า เป็นจริงตามร้องเรียน พบมีบ้านรังนกที่ต่อเติมจากอาคารพาณิชย์ที่อยู่อาศัยทำเป็นบ้านรังนกนางแอ่น จำนวน 13 แห่ง และกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 7 แห่ง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า เป็นการทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร โดยทางนายอำเภอปะทิว ได้สั่งการให้เทศบาลตำบลมาบอำฤต ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อผู้ประกอบการรังนกนางแอ่นทุกราย และให้แจ้งผู้ประกอบการหยุดการดำเนินกิจการภายใน 30 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการในวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคมนี้
นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอปะทิว กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีชาวบ้านร้องเรียนมานานแล้ว และตนได้พยายามไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่กันได้ และได้ทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างชาวบ้าน และผู้ประกอบการ แต่เมื่อถึงเวลาไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้ จนมีการร้องเรียนขึ้นมาอีก โดยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอปะทิว ปลัดอาวุโสอำเภอปะทิว ปลัดเทศบาลตำบลมาบอำมฤต และผู้เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบพบเป็นความจริง โดยเฉพาะความผิดชัดเจนเกี่ยวกับการก่อสร้างต่อเติมอาคารพาณิชย์ทำเป็นบ้านรังนกนางแอ่น และเรื่องของมูลนก ตัวไร กลิ่น และเสียง ได้ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
“หลังการตรวจสอบในพื้นที่ตนได้ประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยผลการประชุมสรุปให้เทศบาลตำบลมาบอำมฤต บังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชุมพร พ.ศ.2560 โดยเคร่งครัด และให้แจ้งผู้ประกอบการหยุดการดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนดังกล่าวภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง” นายอำเภอปะทิว กล่าว