สุราษฎร์ธานี - คืบหน้าไอ้คลั่งป่วนเมือง ล่าสุด วันนี้เจ้าหน้าที่เดินหน้าปูพรมค้นหาอาวุธปืนของของกลาง พบถูกขว้างทิ้งในป่าละเมาะข้างทางห่างจากปั๊มประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนอาการของคนร้ายยังคงโคม่า มีภรรยาสาวเฝ้าอย่างใกล้ชิด พร้อมยอมรับว่า สามีติดยาเสพติดหนัก
ความคืบหน้าตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ไล่ล่าคนร้าย และยิงโต้กันสนั่นเมืองสุราษฎร์ธานี จนในที่สุดตำรวจสามารถสกัดยิงล้อรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนครึ่ง สีเขียว หมายเลขทะเบียน ผจ 3351 สุราษฎร์ธานีไ ว้ได้บริเวณสี่แยกเมืองทอง หรือแยกโรงแรมซีบีดี หน้าร้านทองก้องไพศาล คนร้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อภายหลังคือ นายจิรเดช บัวแก้ว อายุ 36 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช สมาชิกแก๊งตามาร เครือข่ายค้ายาเสพติดชื่อดังของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยขณะนี้อาการยังน่าเป็นห่วง ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ล่าสุด วันนี้ (29 ก.ย.) พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 พร้อมเครื่องตรวจจับโลหะเข้าตรวจพื้นที่ในบริเวณที่เจ้าหน้าที่เกิดการยิงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ และคนร้ายในบริเวณโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เพื่อเก็บพยานหลักฐานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องต่อคดี จากการตรวจในพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 11 มม. และขนาดอื่นจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปเปรียบเทียบว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ หรือของคนร้าย และในขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก.ได้นำเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี กว่า 50 นาย เดินหน้าหน้าปูพรมค้นหาอาวุธปืนของคนร้ายที่คาดว่าจะโยนทิ้งตามเส้นทางที่ขับรถหลบหนี ตั้งแต่ปั๊ม ปตท.จุดที่เกิดเหตุในเบื้องต้น
จากการค้นหาเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในที่สุดพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด.38 รมดำ มีกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิงอยู่ในลูกโม่ จำนวน 3 นัด ห่างจากปั๊มน้ำมันขาเข้าเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้เก็บมาเปรียบเทียบลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอจะตรงกับผู้ก่อเหตุหรือไม่
นายจิรเดช บัวแก้ว อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่เผยว่า เป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช สมาชิกแก๊งตามาร เคยถูกจับกุมในคดีต่างๆ มากกว่า 6 คดี มีทั้งคดียาเสพติด อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และคดีล่าสุด ปี 2560 เป็นคดีการพนัน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ยืนยันว่า ยังรอผลการตรวจเลือดจากโรงพยาบาลว่าคนร้ายจะมียาเสพติดหรือไม่
ส่วนอาการ นายจิรเดช ยังอยู่ในอาการโคม่า โดยมี นางจันจิรา ศรีทมิตร อายุ 28 ปี ภรรยาเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมได้กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช มาเฝ้าดูอาการของสามีตั้งแต่เมื่อวานนี้ และระบุว่า อาการของผู้บาดเจ็บยังไม่ดีขึ้นหลังจากออกจากห้องผ่าตัด และขณะนี้ยังไม่รู้สึกตัว และยอมรับว่า สามีติดยาค่อนข้างรุนแรง และอยู่ไม่เป็นที่