นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา
-----------------------------------------------------------------------------------
“มัสยิดบางหลิง” มัสยิดของชุมชนบ้านบางหลิง ชุมชนใจกลางพื้นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ที่ทุกหลังคาเรือนต้องย้ายออกไปไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม
หากนำแผนผังของโรงไฟฟ้ามาทาบวาง มัสยิดนี้ก็จะอยู่ตรงกับ “บ่อเก็บขี้เถ้าถ่านหิน” ขนาด 760 ไร่นั่นเอง มัสยิดแห่งนี้มีชื่ออาหรับคือ “มัสยิดอัตเตาบะ” ซึ่งคนในพื้นที่รู้จักคุ้นเคย
แต่ที่น่าตกใจมากคือ มัสยิดนี้กลับไม่ปรากฏในรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านกินเทพา
เป็นมัสยิดที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคที่ดิน และเงินร่วมก่อสร้างจนเป็นรูปเป็นร่าง เป็นบ้านของพระเจ้าที่พี่น้องมุสลิมในพื้นที่ได้มาทำละหมาด หรือศาสนกิจอื่นใดอย่างสม่ำเสมอมานับสิบปี มีเสียงอาซานดังไปทั่วบริเวณ
แต่มัสยิดหลังไม่ได้เล็กๆ นี้กลับไม่อยู่ในรายงาน EHIA โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพราะในรายงานกล่าวถึงแต่ “มัสยิดคลองประดู่” และ “มัสยิดมุตนาเอ็นนะ” เท่านั้น ซึ่งที่ได้ถูกกันออกมาอยู่ข้างแนวรั้วโรงไฟฟ้าถ่านหินเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่า หากจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา มัสยิดแห่งนี้ต้องถูกรื้อย้ายออกไปแน่นอน แต่ในรายงาน EHIA กลับไม่กล่าวถึงเลย ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่มากในมิติศาสนา ทั้งนี้ เหตุที่ไม่กล่าวเชื่อว่า
1.ไม่อยากกล่าวถึง เพราะแก้โจทย์ข้อนี้ไม่ได้ จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะคิดว่าไม่มีใครอ่าน EHIA ทั้งเล่มที่มีหลายพันหน้าหรอก
หรือ 2.นักวิชาการที่ศึกษา EHIA ไม่รู้จริงๆ ว่ามีมัสยิดนี้อยู่ในพื้นที่ เพราะทำวิจัยแบบไม่เคยลงมาดูพื้นที่ ฟังแต่ข้อมูลมือสอง หรือมือสาม
คำตอบข้อไหนที่ถูกต้องกลับไม่รู้ และเมื่อไม่เขียนไว้ “คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.)” ซึ่งยิ่งไม่รู้ข้อมูลพื้นที่อยู่แล้วก็อนุมัติไปเรื่อยเปื่อย สร้างความเสื่อมศรัทธาต่อสถาบัน คชก.เอง จนไร้ความน่าเชื่อถือ
การที่จะมีมัสยิดหนึ่งหลังต้องถูกรื้อทิ้ง โดยเป็นที่ดินวากัฟด้วย (ที่ดินบริจาคเพื่อศาสนกิจ) แต่ EHIA ตกหล่นในประเด็นที่สำคัญมาก แบบนี้ควรจะให้ EHIA โครงการโรงฟ้าถ่านหินเทพา “สอบผ่านได้” หรือควรรื้อกลับมาทำใหม่ อย่างน้อยก็ต้อง “สอบซ่อม” หรืออาจให้ “สอบตกซ้ำชั้น” ไปทำมาใหม่เลย
อาจารย์ดิเรก เหมนคร แกนนำชาวบ้านในพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ได้ให้ความเห็นไว้ว่า…
“มัสยิดคือ บ้านของอัลลอฮ์ พระเจ้าในอิสลาม
อีกกี่ครั้ง อีกกี่หลัง อีกกี่ที่ที่จะถูกทำลายโดยมนุษย์ที่ไร้ศาสนา
ไร้ศีลธรรม เห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัว เอาเงินเป็นพระเจ้า
ผสมความอคติ ความเกียดชัง จึงไม่เกรงกลัวความผิดบาปทั้งมวล
ไม่สำเหนียกที่จะฟังเสียงทัดทาน
ผู้คนจะเดือดร้อน จะร่ำไห้ จะหมดหวัง ไม่แยแส ไม่สนใจ
เอาเงินตรา เอาอำนาจ เอากฎหมายที่ไร้ความชอบธรรมบดขยี้ให้ราพณาสูร
โอ้มุสลิม โอ้ผู้มีศาสนา
ท่านจะปล่อยให้คนโฉด คนโง่เขลา ทำลายสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดกระนั้นหรือ
ท่านจะตอบคำถามของพระเจ้าได้กระนั้นหรือ
การสอบสวน และการตอบแทนกำลังรอพวกเราอยู่ข้างหน้านะ
ฉันจะพูด จะบอกอย่างไรดีว่า ไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในแผ่นดินของเรา
แผ่นดินแห่งสันติ แผ่นดินแห่งศาสนา”
ไม่เฉพาะมัสยิด แม้แต่วัดก็ได้รับผลกระทบเต็มๆ
“วัดป่าปากบางเทพาราม” วัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของอำเภอเทพา และเป็นวัดแห่งเดียวในตำบลปากบางเทพา ความสงบเย็น และเขียวขจีของวัดป่าต้องเผชิญต่อภัยคุกคาม เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาแบบพอดีๆ
ตัววัดป่าแห่งนี้แม้จะไม่ถูกย้ายออกไป แต่จะมีรั้วติดกับพื้นที่ของ “บ่อเก็บเถ้าถ่านหิน” ขนาด 760 ไร่ ที่เป็นบ่อเปิด และจะเก็บเถ้าถ่านหินนาน 30 ปี
พื้นที่ใกล้ๆ วัดอีกด้านจะเป็นพื้นที่นันทนาการของโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่มี “บ่อนวัวชน” อีกต่างหาก
ดังนั้น แม้วัดป่าปากบางเทพา จะไม่ถูกย้าย แต่ความสุขสงบของพระ และความสะอาดเย็น อากาศใสบริสุทธิ์ที่วัดเคยมีนั้น คงเป็นอดีตไป เมื่อลมพัดขี้เถ้าถ่านหินสีดำย่อมปลิวฟุ้งกระจาย ยิ่งยามที่ลมแรงจากริมทะเลพัดเข้ามาด้วยแล้ว วัดป่าปากบางเทพา คงจะอยู่ยากเสียแล้วในอนาคต
ในรายงาน EHIA โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา มีรายละเอียดที่เขียนผลกระทบต่อวัดป่าแห่งนี้ หรือการเฝ้าระวังใดในพื้นที่วัดที่อยู่ริมบ่อเก็บขี้เถ้าถ่านหินน้อยมาก
คนเขียนรายงานคงนั่งอยู่ห้องแอร์ที่กรุงเทพฯ ขีดเขียนลากๆ เอาในแผนที่ โดยเชื่อว่าไม่ได้ลงมาเห็นสภาพวัด หรือมาสอบถามความคิดเห็นของพระสงฆ์ หรือญาติโยมในวัดเลยด้วยซ้ำ
สภาพในวัดมีอาคารกี่หลัง มีพระจำพรรษากี่รูป ผังของวัด โบราณวัตถุ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด หรือมีกิจกรรมสำคัญอะไรบ้าง เหล่านี้ก็ไม่ปรากฏการบันทึกไว้ในรายงาน EHIA เลย
บางคนอาจถามว่า ทำไมต้องบันทึกไว้ในรายงาน EHIA ให้ละเอียดขนาดนั้น?!
สำหรับผม ผมถือว่าการบันทึกไว้ คือ หลักฐานสำคัญที่แสดงว่าก่อนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน วัดป่าปากบางเทพา มีความรุ่งเรืองเพียงใด
ในอนาคตหากเกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาขึ้น อีก 10 ปี หรือ 20 ปีข้างหน้าหากมีการเก็บข้อมูล เราจะได้มีข้อมูลที่เป็นทางการในการเปรียบเทียบให้เห็นเป็นบทเรียนได้ว่า
“การพัฒนาที่สร้างหายนะแก่ชุมชนและศาสนานั้น...ไม่ควรทำ”
นี่คือบทเรียนสำคัญของการพัฒนา การพัฒนาที่นอกจากจะไม่เคารพฐานทรัพยากรของชาวบ้านแล้ว ยังทำลายวิถีศาสนธรรมอันดีงามของชาวบ้านด้วย!!!!