ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สถาบันสิ่งทอฯ จัดสัมมนาสรุปผลการดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอ และเครื่องแต่งกายมุสลิม 5 จังหวัดชายแดนใต้ ภายใต้แนวคิด “ASEAN GATEWAY : Co-design for Textile & Fashion” รุกสร้างเครือข่าย และความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการ พร้อมปูทางส่งผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการในตลาดอาเซียน
วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องคริสตัลหาดใหญ่ แกรนด์ บอลรูม โรงเเรมคริสตัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น.ส.นิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เเละ ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผอ.สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ จัดกิจกรรมสัมมนาสรุปผลการดำเนินโครงการพัฒนาสิ่งทอ และเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียน ภายใต้แนวคิด “ASEAN GATEWAY : Co-design for Textile Fashion”
โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอ และเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอาเซียน ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนปี 2560 จากสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
สำหรับวัตถุประสงค์ของการสัมมนา เพื่อสรุปผล และเผยแพร่การดำเนินงานของโครงการดังกล่าว ซึ่งประกอบไปด้วย 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การศึกษาข้อมูลการตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอใหม่สู่เชิงพาณิชย์ และการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียนบวก 3
น.ส.นิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ใน 5 จังหวัด คือ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยเน้นการพัฒนาที่สำคัญ 4 ด้านเข้าด้วยกัน คือ สวย ดี มีคุณภาพ และเป็นสากล
โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปีนี้ ทางสถาบันฯ ได้ศึกษาข้อมูลการตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โดยสำรวจตลาดสิ่งทอเชิงลึก ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และประเทศญี่ปุ่น ใช้ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ตลาดเข้ามาช่วย เพื่อให้ผู้ประกอบการสิ่งทอ และผู้ประกอบการเครื่องแต่งกายมุสลิมพัฒนา และผลิตสินค้าให้ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค และสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการเชิญนักออกแบบระดับประเทศของไทย และนักออกแบบจากประเทศมาเลเซีย มาร่วมสร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 50 ผลิตภัณฑ์ และได้นำไปจัดแสดง และจำหน่าย ณ เมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และเตรียมการออกงานแสดงสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายด้านการออกแบบแล้ว ทางสถาบันฯ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ด้วยการนำเทคโนโลยีตกแต่งสำเร็จ เช่น เทคโนโลยีสะท้อนน้ำ การทำนุ่ม กันยับ แอนติแบคทีเรีย และการเลือกใช้วัสดุใหม่ โดยเฉพาะผ้าเรยอนผสมคอลลาเจน ในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์อีกด้วย
