รมว.ทรัพยากรฯ อย่าลอยนวล ต้องทำงานให้หนักและเที่ยงตรงกว่านี้ / สมบูรณ์ คำแหง

โดย..สมบูรณ์ คำแหง
ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้)

ผมคิดว่าเรื่อง โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา วันนี้คงไม่ใช่หน้าที่ที่ นางรวีวรรณ ภูริเดช จะเป็นคนตอบ ในฐานะของเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. แล้วล่ะครับ

ต่อข้อร้องเรียนของ อ.ดิเรก เหมนคร ในฐานะตัวแทนเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ (Permatamas) และเครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ยื่นถึงรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา

ในช่วงที่ อ.ดิเรก ได้ไปนั่งเพื่อสื่อสารถึงความไม่ชอบธรรมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ได้กระทำการอ้างว่า ได้ทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) เสร็จสิ้นไปแล้ว และคณะกรรมการผู้ชำนาญการได้อ่านพร้อมอนุมัติไปแล้วเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา

ซึ่งคือต้นเรื่องที่ทำให้พี่น้องชาวเทพาไม่สามารถยอมรับได้ ด้วยมีเหตุผล และมีข้อมูลหลักฐานในเชิงประจักษ์ว่า กระบวนการดังกล่าวของ กฟผ.ไม่ชอบ และมีข้อบกพร่องที่จะต้องทำการตรวจสอบถึงที่มา และที่ไปของรายงานสรุปการศึกษาดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือฉบับดังกล่าวขึ้น เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีดำเนินการดังนี้

รัฐบาลจะต้องสั่งระงับรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลา ที่ได้ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 ไว้ก่อน

ให้มีการตั้งคณะกรรมการที่ได้รับการยอมรับทั้งสองฝ่าย เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของรายงานทั้งในมิติของเนื้อหาสาระ และกระบวนการที่ทำให้ได้มาซึ่งรายงานทั้งหมด และจะต้องเปิดเผยให้สารธารณะรับรู้อย่างตรงไปตรงมา

ดังนั้น การออกมาตอบคำถามเสมือนว่า เลขาธิการท่านนี้ได้ทำหน้าที่แทนรัฐมตรี และได้ใช้เวลาเพียงน้อยนิดอ้างถึงความชอบของกระบวนการดังกล่าวนั้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ และในขณะเดียวกัน ความผิดพลาดของงานศึกษาดังกล่าวน่าจะต้องมีการตรวจสอบสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมฯ ด้วย เพราะเป็นผู้ที่รับรู้กระบวนการ ขั้นตอน และเป็นผู้ชงเรื่องให้แก่กลไกต่างๆ ตามลำดับ

หากแต่ยังหลับหูหลับตาไม่ยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น และยังละเลยให้เรื่องดังกล่าวดำเนินไปอย่างไม่มีข้อทักท้วงใดๆ ไปยัง กฟผ. ซึ่ง สผ.เองในฐานะหน่วยงานที่จะต้องควบคุมหน่วยงานต้นสังกัด และบริษัทที่ปรึกษาใดๆ ที่ทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือที่เรียกว่า EIA และ EHIA ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบของทางราชการ

โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ถือว่ามีการเฝ้าจับตาของสังคมในวงกว้าง และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากถึงกระบวนการศึกษาที่ไม่มีความชอบธรรมต่อกลุ่มที่เห็นต่าง และยังมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่คนที่เห็นด้วยต่อโครงการอย่างไร้ความสง่างาม การร้องเรียนของกลุ่มเทพาก็เพื่อให้รัฐบาลเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น และข้อเท็จจริงของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หากเป็นเช่นนี้แล้วการปกครองของข้าราชการไทยจะเป็นที่หวังพึ่ง และเป็นทางออกให้แก่สังคมแห่งความขัดแย้งได้อย่างไร

สรุปเรื่องนี้ได้ว่า รัฐบาล โดยรัฐมนตรีจะต้องให้ความสำคัญ และให้มีการตรวจสอบกระบวนการดังที่พี่น้องเทพาได้ยื่นหนังสือเสนอไปแล้ว และรวมถึงควรตรวจสอบหน่วยงานในกระทรวงของท่าน คือ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยที่มิได้ทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ใจต่อเรื่องดังกล่าวนี้