ปัตตานี - เปิดกิจกรรม “ฟาร์มชุมชน ตำบลดอนรัก” ภายใต้โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน ด้านเกษตรกรจี้ให้มีการตรวจสอบเบิกจ่ายงบประมาณ หลังพบมีการทุจริตอื้อ
วันนี้ (23 ส.ค.) นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “ฟาร์มชุมชน ตำบลดอนรัก” ภายใต้โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยการสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกร และชุมชน ด้วยการนำหลักการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ มาเป็นต้นแบบดำเนินการ ณ บริเวณฟาร์มชุมชนตำบลดอนรัก (บริเวณริมคลองชลประทาน สาย D8) บ้านดอนรัก หมู่ที่ 1 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ซึ่งโครงการดังกล่าว ตำบลดอนรัก ได้ดำเนินการโดยใช้หลักการสำคัญ คือ ให้ชุมชนเป็นผู้กำหนดโครงการพัฒนา โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และบริหารจัดการโครงการด้วยตนเอง ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการพัฒนาที่สอดคล้องต่อความต้องการของชุมชน ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของรัฐบาลต่อไป
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.ปัตตานี ได้มีการดำเนินการจัดทำโครงการลักษณะเดียวกัน แต่กลับมีการทุจริตกินหัวคิว ถึงแม้โครงการจะมีการจัดทำเวที กำหนดแนวทางการจัดการงบประมาณที่ได้ มีการกำหนดวงเงินตำบลละ 2 ล้าน 5 แสนบาท เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมของการจัดการในแต่ละกิจกรรม บางตำบลแยกทำเป็นรายหมู่บ้าน โดยการเฉลี่ยแบ่งงบประมาณก้อนดังกล่าว บางพื้นที่ตำบลได้มีการดำเนินการเป็นรายตำบล โดยแบ่งหน้าที่ให้สมาชิกในแต่ละหมู่บ้านเข้ามาทำงานในจุดเดียวเพื่อสะดวกในการบริหารจัดการในวงงบประมาณที่จำกัด สำหรับตำบลขนาดใหญ่ที่มีหลายหมู่บ้าน ซึ่งมีความหลากหลายของอาชีพทางการเกษตร ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่หมู่บ้านตำบล
โดยเฉพาะบางพื้นที่ได้เกิดปัญหาการเรียกเก็บเงินในส่วนที่เป็นค่าจ้างแรงงาน เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการวันละ 300 บาท จำนวนไม่เกิน 10 วัน เป็นเงิน 3 พันบาท โดยโอนผ่านเข้าบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส.ของแต่ละสมาชิก แต่กลับเรียกเก็บจากสมาชิก 600 บาทบ้าง บางพื้นที่เรียกเก็บมากถึง 2 พันบาท โดยอ้างว่าเพื่อเป็นกองทุน หรือเงินกองกลางไว้สำหรับนำบริหารจัดการดูแลสัตว์เลี้ยง ที่เลี้ยงอยู่ในอนาคตข้างหน้า จึงทำให้สมาชิกเกษตรกรไม่พอใจ บางพื้นที่ถึงขั้นมีปากมีเสียงกับผู้นำในพื้นที่ ในฐานะประธานโครงการฯ แต่มีหลายหมู่บ้านกลับปิดปากเงียบเพราะเกรงกลัวต่ออิทธิพล หรืออำนาจมืดในพื้นที่ และเกษตรกรบางคนไม่กล้าเอ่ยปากเสียงดัง เพราะกลัวรอบหน้าจะไม่ได้รับสิทธิเข้าโครงการฯ
นอกจากนั้น บางหมู่บ้านได้ดำเนินการงบประมาณดังกล่าวในลักษณะกองทุนสงเคราะห์คนชราในพื้นที่ โดยนำแบ่งเฉลี่ยให้กระจายได้ทุกหลังคาเรือน จะเป็นเกษตรกรหรือไม่ก็ตาม จึงทำให้ต้องเฉลี่ยงบประมาณที่เป็นค่าจ้างในอัตรา 10% ของยอดงบประมาณให้ได้เท่ากับจำนวนคนที่จะได้รับทุกหลังคาเรือน จึงมีกลุ่มชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรอยากเรียกร้องผ่านสื่อให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าว ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างเคร่งครัด ไม่นำงบเพื่อการทุจริต หรือเรียกรับผลประโยชน์ ให้สมกับเป็นโครงการหลวงที่หวังจะช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ
