xs
xsm
sm
md
lg

รอหลักฐาน! เผยอาจใช้กฎอัยการศึกจับโจรปล้นเต็นท์รถ สั่งจับตาล็อกเป้าหมายคนร้ายแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คืบหน้าคดีกลุ่มโจรใต้ปล้นเต็นท์รถมือสอง ใน อ.นาทวี จ.สงขลา เจ้าหน้าที่เผยอาจใช้กฎอัยการศึกจับคนร้าย พร้อมแจงรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ส่งทีมคุ้มครองพยานปากสำคัญ สั่งจับตาล็อกเป้าหมายของคนร้ายแล้ว

วันนี้ (18 ส.ค.) ความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกปล้นเต็นท์ขายรถมือสอง “วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์” ใน อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่พบรถที่ถูกขโมยไป และรถที่คนร้ายขับไปก่อเหตุรวม 7 คัน ทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดนาทวี ออกหมายจับคนร้าย ซึ่งคาดว่าน่าจะออกหมายจับได้ 4 คน
 

 
ล่าสุด มีรายงานความคืบหน้าของทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ซึ่งมีการระดมกำลังทั้งฝ่ายสืบสวนภาค 9 สืบจังหวัด ชุดสืบในพื้นที่ ตชด.43 รวมถึงฝ่ายทหาร ประสานการทำงานร่วมกันทั้งด้านการข่าว และการสืบสวนหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย

แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถออกหมายจับคนร้ายได้ และยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานให้หนาแน่น และรัดกุมที่สุด โดยในส่วนของพยานบุคคลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น วัตถุพยาน และผลตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งชุดแรกน่าจะสามารถออกหมายจับได้ 4 คน ตามที่พยานระบุชัดเจน ส่วนอีก 2 คนนั้น ยังค่อนข้างยากแม้จะมีเบาะแส แต่เนื่องจากขณะก่อเหตุได้สวมหน้ากากอนามัยอำพรางใบหน้าเอาไว้ และอีกคนได้ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตไปแล้วในวันเกิดเหตุ
 

 
อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้กำหนดแนวทาง 2 มาตรการในการติดตามจับกุมคนร้าย คือ แนวทางแรก เป็นการขออนุมัติศาลจังหวัดนาทวี ออกหมายจับ ส่วนอีกแนวทางหนึ่งคือ การจับตามกฎอัยการศึก แต่ทั้งสองแนวทางจะต้องมีหลักฐานที่หนาแน่นรัดกุมมากพอ เพื่อไม่ให้คนร้ายดิ้นหลุดในภายหลัง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายในทางคดีตามมาได้

ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุดแล้ว ยังจัดกำลังไปคุ้มครองพยานสำคัญในคดีนี้เพื่อให้ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ กำลังอีกส่วนได้เฝ้าจับตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย ซึ่งได้ล็อกเป้าเอาไว้แล้ว และส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ อ.เทพา กับ อ.สะบ้าย้อย และพื้นที่รอยต่อ จ.ปัตตานี รวมทั้งติดตามหาข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้าย เนื่องจากยังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่อาจจะก่อเหตุในสิ่งที่เจ้าหน้าที่คาดไม่ถึง เหมือนกับการปล้นชิงเต็นท์รถมือสองในครั้งนี้
 


กำลังโหลดความคิดเห็น