ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้แทนพิเศษรัฐบาลประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งผลักดันให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปลอดถังแก๊สเหล็กเพื่อลดระเบิดในพื้นที่ พบหลังการควบคุมให้ใช้ถังคอมโพสิตระเบิดลดลงเห็นได้ชัด
วันนี้ (9 ส.ค.) พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานการประชุมเพื่อประเมินผลการปฏิบัติ และจัดทำแผนการปฏิบัติการดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนถังแก๊สคอมโพสิต แทนถังแก๊สเหล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุม (1) สขว.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สรุปผลการประชุม ดังนี้
สขว.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รายงานสถิติการก่อเหตุด้วยระเบิดแสวงเครื่อง ว่า หลังจากได้ดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนถังแก๊สคอมโพสิต มีแนวโน้มการใช้ถังแก๊สเหล็กมาประกอบระเบิดแสวงเครื่องลดลง ฉก.จังหวัด และ ฉก.นย.ทร. รายงานการดำเนินการตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กำหนดในเรื่องการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางที่สามารถทำได้ การตรวจสอบการขนย้ายถังแก๊สเหล็กตามด่านตรวจ/จุดตรวจ การส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบโรงบรรจุแก๊สในส่วนของพลังงานจังหวัด และ กอ.รมน.จังหวัด รายงานการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ การสุ่มตรวจโรงบรรจุแก๊ส/ร้านค้าปลีกสำหรับปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินการนั้น บริษัทผู้ค้าแก๊สตามมาตรา 7 ไม่ได้เข้าร่วมโครงการทุกบริษัท ทำให้ประชาชนมีทางเลือกที่จะไม่ดำเนินการแลกเปลี่ยน ประชาชนบางส่วนยังมีความไม่มั่นใจในการใช้ถังแก๊สคอมโพสิต เช่น เชื่อว่าใช้น้ำแก๊สไม่หมดถัง ถังมีขนาดเล็กกว่า ทำให้ต้องนำไปเติมน้ำแก๊สบ่อยครั้ง
การใช้ถังแก๊สคอมโพสิตผิดวิธี เช่น วางหม้อ หรือกระทะที่ยังร้อนๆ บนหัวถัง ทำให้เกิดรอยไหม้ ชำรุด ซึ่งโรงบรรจุจะไม่รับผิดชอบ/เปลี่ยนถังใหม่ให้ เนื่องจากถือว่าเกิดจากการใช้ผิดวิธี ไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องรับผิดชอบ บริษัทสยามแก๊สฯ และบริษัท ยูนิคแก๊สฯ ซึ่งเข้าร่วมโครงการ จำนวน 8,500 ถัง แลกเปลี่ยนถังแก๊สคอมโพสิตให้แก่โรงบรรจุแก๊สเพียงบางส่วน หากถังแก๊สเหล็กไม่อยู่ในสภาพเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะไม่แลกเปลี่ยนให้
ส่วนแนวทางในการดำเนินการ สพน.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ประสาน ศปม.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการจัดทำแบบประเมินโครงการแลกเปลี่ยนถังแก๊สคอมโพสิต แทนถังแก๊สเหล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วส่งให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประเมิน พร้อมข้อเสนอแนะในการดำเนินการต่อไป
โดยข้อเสนอในเบื้องต้น ให้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตรา การบรรจุข้ามยี่ห้อของแต่ละจังหวัด เจรจาให้บริษัทผู้ค้าแก๊สตามมาตรา 7 ทุกราย เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้สามารถแลกเปลี่ยนได้เร็ว และไม่เกิดปัญหาต่อประชาชนในพื้นที่ กำชับให้บริษัทผู้ค้าแก๊สตามมาตรา 7 ทุกราย ดูแลซ่อมบำรุงถังตามระยะเวลาที่กำหนด
หากบริษัทผู้ค้าแก๊สตามมาตรา 7 ที่เหลือไม่ยอมเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องมีมาตรการทางกฎหมาย เพื่อให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินการแลกเปลี่ยนแทน แต่จะมีปัญหาในขั้นตอนการแลกเปลี่ยนมาก และมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ และเสนอเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ส่วนหน้า เพื่อผลักดันให้เกิดผลโดยเร็ว
