xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมเรียกสอบ อส.ชุดจับกุม ตร.ชายแดนใต้พกอาวุธสงครามมากกว่า 10 ปาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
พัทลุง - ยังคาราคาซัง! พนง.สอบสวนเตรียมเชิญตัวชุดจับกุม ตร.ชายแดนใต้ พกอาวุธสงครามสอบปากคำมากกว่า 10 ปาก ขณะที่ทหารฝ่ายความมั่นคงใน จ.พัทลุง เสนอให้มีการตั้งจุดรับฝากอาวุธปืนจากทุกหน่วยงาน ก่อนเดินทางออกนอกพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ หวังแก้ปัญหานำไปใช้ผิดกฎหมาย

วันนี้ (25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.วิชัย วิชยานฤพล ผกก.สภ.เมือง จ.พัทลุง กล่าวว่า การสอบสวนดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ฝ่ายปกครองจับกุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ดำเนินคดีนั้น ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่หลังจากนี้ก็จะได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมมาให้ปากคำรายบุคคลไม่น้อยกว่า 10 ปาก ส่วนตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาก็จะได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาของตำรวจ เพื่อขอเอกสารหลักฐานให้ชัดเจนว่า ได้พกอาวุธสงครามเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ และถูกต้อง พนักงานสอบสวนก็สามารถที่จะสั่งไม่ฟ้องได้ พนักงานสอบสวนก็จะไม่เกรงว่าใคร หน่วยงานไหนจับกุม ถ้าสอบแล้วไม่มีความผิด ก็จะสั่งไม่ฟ้อง และจะใช้เวลาสอบสวน รวบรวมหลักฐานไม่นาน ก็จะรู้ว่าสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้หรือไม่

ส่วนกรณีที่มองกันว่า การตั้งด่านตรวจ และเจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมการจับกุมที่ถูกมองว่ามีอคติต่อตำรวจนั้น หลายแง่มุมมีจุดที่น่าสนใจว่า ทำงานอย่างมีอคติหรือไม่ อย่างกรณีที่ตั้งด่านตรวจกลางเมืองพัทลุง จริงอยู่ฝ่ายปกครองก็มีสิทธิตั้งด่านตรวจ มีอำนาจจับกุม แต่ตามปกติก็จะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาตำรวจได้รับทราบ เพื่อที่จะได้ชี้แจงอะไรต่อประชาชน แต่ที่ผ่านมา ตำรวจก็ไม่มีใครได้รับรู้ว่ามีการตั้งด่านตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ จึงไม่เข้าใจว่าคิดกันอย่างไร
 

 
ส่วนกรณีที่ตั้งด่านตรวจจับกุมตำรวจพกอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้นั้น แน่นอนปืนเอ็ม 16 ไม่มีใครออกใบอนุญาตให้ได้ เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป เป็นข้อกล่าวหาสากล แต่ที่จับกุมแล้วรู้ว่าเป็นอาวุธปืนทางราชการ ผู้ต้องหาก็รู้ว่าเป็นตำรวจ มีผู้บังคับบัญชาของตำรวจรับรองมาแล้ว ก็ยังจัดฉากถ่ายภาพอาวุธ และผู้ต้องหา ทำให้มองได้ว่าเป็นความพยายามที่จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แสดงให้เห็นเป็นผลงานของเจ้าหน้าที่

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจด้วยนั้นจะต้องดูว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมีอำนาจตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาหรือไม่อย่างไร เพราะตามปกติก็จะมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ทำการตรวจปัสสาวะ แต่ถ้าทำไปโดยไม่มีอำนาจก็เชื่อว่าผู้เสียหายคงจะฟ้องกลับแน่นอน แม้ว่าระดับผู้ใหญ่ได้พูดคุยจบกันไปแล้ว แต่เรื่องของบุคคลเชื่อว่ายังไปกันอีกยาว

ทางด้านเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคงของจังหวัดพัทลุง ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุขณะจับกุมตัวตำรวจ กล่าวว่า จากเรื่องเล็กๆ ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ดังไปทั่วประเทศ ก็เกิดจากปัญหาเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรี น้องที่เป็นตำรวจก็กร่าง ดุดัน และมีพฤติการณ์น่าสงสัยหลายอย่าง คงจะเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะมีเฉพาะ อส.เท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้ว ขนาดตนระดับ “พันโท” ก็เป็นแค่ลูกน้อง ในคืนนั้นถ้าพูดกันดีๆ ก็จะไม่มีปัญหามาถึงวันนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะขอเก็บปืนเอาไว้ก่อนแล้วปล่อยตัวไป ก็ยังไม่ยอมให้เก็บอาวุธ ใครจะไปรู้ว่าจะนำเอาปืนไปใช้งานอะไรในระหว่างเดินทาง และอีกอย่างก็มีคดีให้เห็นอยู่บ่อยๆ

เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคง ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่ตำรวจตั้งด่านตรวจจับอาวุธปืนที่ข้ามเขตมาจาก 3 จังหวัดนั้น มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทหารถูกตรวจจับเป็นประจำ แต่ผู้บังคับบัญชาของทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยกันเข้าใจ เมื่อมีการรับรองจากผู้บังคับบัญชาเรื่องก็จบ โดยที่ไม่ต้องส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
 

 
เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดพัทลุง กล่าวต่อไปอีกว่า การที่จะแก้ปัญหากรณีที่ข้าราชการทุกหน่วยงานที่เดินทางเข้าออกจาก 3 จังหวัดชายแดน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมนั้น เมื่อยังไม่มีมาตรการควบคุม ต่างฝ่ายก็อ้างว่ามีอำนาจที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงอยากเสนอให้มีการตั้งหน่วย หรือจะเรียกว่าคลังเก็บอาวุธก็ได้ เพื่อรับฝากอาวุธของตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และพลเรือน ขึ้นที่บริเวณด่านควนมีด อ.จะนะ จ.สงขลา ทุกคนที่เดินทางจากเขต 3 จังหวัด ให้ฝากไว้ที่คลังเก็บอาวุธ เมื่อจะเดินทางเข้าพื้นที่ก็สามารถรับอาวุธที่ฝากไว้ได้

แต่ถ้ายังปล่อยให้ทุกคนพกพาอาวุธข้ามเขต แม้ว่าอาวุธปืนจะเป็นของทางราชการ ปืนพกสั้นส่วนตัวมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎ แต่แน่นอนว่าใบอนุญาตพกพา คงจะไม่มีเพราะเป็นการพกพาข้ามเขตจังหวัด ยิ่งปัจจุบันหน่วยงานตำรวจ และฝ่ายปกครองก็มีอำนาจตั้งด่านตรวจ โดยไม่ต้องใช้กำลัง 3 ฝ่าย แต่ที่น่าสังเกตก็พบว่า ตำรวจตั้งด่านตรวจไม่เคยจับตำรวจผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับฝ่ายปกครอง ก็ไม่ปรากฏว่า ตั้งด่านจับฝ่ายปกครองกระทำความผิดดำเนินคดี

ทางด้าน นายเจริญ เส้งสุ่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่ามิหรำ อ.เมือง จ.พัทลุง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจับอาวุธปืนของตำรวจ ที่สามแยกท่ามิหรำ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่อยู่ต่างจังหวัด ว่า เรื่องเล็กๆ ทำไมทำความเข้าใจกันไม่ได้ ปล่อยให้เกิดการแตกแยกขึ้นได้อย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วพื้นที่สามแยกท่ามิหรำ ไม่ได้อยู่ในเขต อบต.ท่ามิหรำ ถ้าเป็นพื้นที่รับผิดชอบก็จะไม่เกิดเรื่องแน่นอน เพราะมีการตั้งด่านตรวจบนถนนก็ตรวจพบอาวุธของตำรวจ ทหาร แม้กระทั่งครูที่เดินทางจาก 3 จังหวัดอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหา
 

กำลังโหลดความคิดเห็น