กระบี่ - ตร.เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมขอหมายจับฆาตกรโหดร่วมก่อเหตุฆ่าล้างครัว ผญบ.ดับ 8 ศพ เจ็บ 3 ราย หลังใช้ ม.44 ควบคุมตัวครบกำหนด 7 วัน ขณะที่ผู้ต้องหาเริ่มเครียด แหล่งข่าวระบุ “บังฟัต” ย้ายออกจากกระบี่มาปักหลักที่ จ.ภูเก็ต หลังมีปัญหาขัดแย้งกับผู้ใหญ่บ้าน จนถึงขั้นขู่ฆ่าล้างครัวกัน
จากกรณีกลุ่มคนร้ายประมาณ 7 คน พร้อมอาวุธบุกเข้าบ้าน นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ทำทีมาขอตรวจค้นตามหมายศาล พร้อมควบคุมตัวคนในบ้านไม่ให้ออกไปไหน รอจนผู้ใหญ่บ้านพร้อมคนในครอบครัวกลับมาที่บ้านพัก จึงคุมตัวแยกห้องเจรจา ก่อนใช้อาวุธปืนจ่อยิงคนในบ้านทั้ง 11 คน เสียชีวิตรวม 8 ศพ บาดเจ็บอีก 3 ราย เหตุเกิดที่บ้านเลขมี่ 14/3 ม.2 ต.บ้านกลาง เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) พล.ต.อ.จักทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ซึ่งนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 7 คน รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องอีกประมาณ 3 คน รวมทั้งชนวนเหตุของการสังหารโหดที่ระบุว่า เกิดจากปัญหาขัดแย้งเรื่องการขายฝากที่ดิน ที่ทาง นายวรยุทธ ได้นำที่ดินไปขายฝากไว้กับ นายซูริก์ฟัต แต่หลังจากที่ทาง นายวรยุทธ ไปขอไถ่ถอนคืน นายซูริก์ฟัด กลับไม่สามารถเอาที่ดินมาคืนให้ได้ จึงเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงตั้งแต่เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา และมีการอาฆาตขู่ฆ่าล้างครัวกัน จนเป็นที่มาของการเกิดเหตุฆ่าล้างครัวกันในที่สุด
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (17 ก.ค.) ที่ศูนย์ประชุมเฉพาะกิจ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา สบ 10 พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.สันติบาล พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบ.ช.ภ.8 พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล ผบก.ภ.จว.กระบี่ ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำเพิ่มเติมผู้ต้องหา เพื่อที่จะขออนุมัติหมายศาลจังหวัดกระบี่ ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 7 คน รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องอีกจำหนวนหนึ่งให้เสร็จภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งใกล้จะครบกำหนดการตัวตามผู้ต้องหาตามมาตรา 44 ที่เหลืออีกประมาณ 4 วัน
โดยหนึ่งนั้นคือ นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี หัวหน้าแก๊งที่เป็นคนลงมือยิงคนในบ้านทั้งหมด และจะมีการนำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุอีกหลายจุด นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 3 คน ที่ถูกควบคุมตัวแล้ว และเป็นคนสนิทของ บังฟัต ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวบพยานหลักฐานว่ามีความเกี่ยวข้องต่อคดีอย่างไรบ้าง
ขณะที่บรรยากาศที่บริเวณหน้ากองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน 1) คลองท่อม สถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยด้านหน้าปากทางเข้าตามปกติ โดยมีรายงานว่าผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวเริ่มมีอาการเครียด โดยเฉพาะผู้ต้องหา 6 คน ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ถูกชักชวนให้ไปทวงหนี้เท่านั้น โดยได้ค่าจ้างคนละ 1,000 บาท แต่ไม่รู้ว่าจะมีการฆ่าคนในบ้าน
สำหรับบรรยากาศที่บ้านผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกลุ่มคนร้ายฆ่ายกครัว ภายในบ้าน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.อ่าวลึก ประมาณ 5-6 นาย ยังตรึงกำลังดูแลสถานที่ที่เกิดเหตุ โดยห้ามคนนอกเข้าไปภายในตัวบ้านอย่างเด็ดขาด
ส่วนที่บ้านของ นายจรีย์ บุตรเติบ พ่อตาของนายวรยุทธ และเป็นสถานที่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นายวรยุทธ และผู้เสียชีวิต ยังคงมีการจัดทำพิธีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะครบ 7 วันแล้วก็ตาม โดยทางญาติของ นายจรีย์ บอกว่า ตอนแรกเมื่อทำบุญครบ 7 วัน ก็จะสิ้นสุดพิธี แต่กลัวว่าจะเงียบเหงา ทาง นายจรีย์ ได้ให้ทำพิธีต่อเพราะคนที่เสียชีวิตทั้ง 8 ศพ มีส่วนเกี่ยวพันกับนายจรีย์ เป็นทั้งลูกเขย ลูกของตัวเอง และหลานๆ
ส่วนที่บ้านของพ่อ และแม่ ของ นายซารีก์ฟัต ซึ่งอยู่ที่หมู่ 1 บ้านเขางาม ต.บ้านกลาง พบว่า พ่อแม่มีอายุมากแล้ว และไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยหลบไปอยู่ที่อื่นแทน เนื่องจากรับไม่ได้ต่อสิ่งที่ลูกชายทำลงไป
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทราบว่า บังฟัต เดิมเป็นคนกระบี่ ทำธุรกิจรับซื้อขายฝากที่ดิน รถยนต์ และอื่นๆ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านวรยุทธ ก็เป็นอีกคนที่นำโฉนดที่ดิน บ้าน รถไปจำนำจำนองกับบังฟัต แต่มาระยะหลังทั้ง 2 คน เริ่มมีปัญหาขัดแย้งกันในเรื่องของเงิน และที่ดิน จึงถึงขั้นมีการขู่ฆ่ายกครัวกันมาแล้ว หลังจากนั้น บังฟัต ได้ย้ายตัวเอง และครอบครัวไปตั้งรกรากและทำธุรกิจเดิมที่จังหวัดภูเก็ต โดยมาอยู่ที่ภูเก็ตประมาณ 3-4 ปีมาแล้ว
มีบ้านพักอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งบริเวณถนนขวาง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ส่วนภรรยา จำหน่ายเสื้อผ้ามือ 2 อยู่ที่ตลาดเสาร์-อาทิตย์ แห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต ขณะที่ บังฟัต นานๆ จะเดินทางกลับบ้านที่กระบี่สักครั้ง เพราะยังมีธุรกิจ และลูกหนี้บางส่วนอยู่ที่จังหวัดกระบี่ โดยบังฟัต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้ที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนที่จะส่งตัวไปดำเนินคดีที่ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ
ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นที่จับกุมตัวได้ที่ภูเก็ตมีอีก 2 คน คือ บังเลาะ และนายชัย สำหรับบังเลาะ คนนี้มีอายุประมาณ 20 กว่าปี เป็นชาวจังหวัดนราธิวาส ถือว่าเป็นคนที่สนิทสนมกับบังเลาะ มากที่สุด หรือที่เรียกว่า เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเลยทีเดียว โดยบังเลาะ ไม่มีอาชีพแน่นอน ทำงานที่ไหนได้ไม่นาน ปัจจุบันไม่ได้ทำอาชีพอะไร ส่วนอีกคนคือ นายชัย สำหรับนายชัย เป็นเพียงลูกจ้าง เดิมเป็นคนทำงานรับจ้างทั่วไป แต่มารู้จักกับบังฟัต ไม่นาน บังฟัต เห็นว่าไม่ค่อยมีงานทำ จึงชักชวนให้มาขับรถให้
นอกจากนั้น ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ยังมีการควบคุมผู้หญิงอีก 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นน่าจะเป็น ภรรยาของบังฟัต ที่ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ทั้ง 2 รายไม่ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุในวันที่มีการลงมือฆ่ากัน
จากกรณีกลุ่มคนร้ายประมาณ 7 คน พร้อมอาวุธบุกเข้าบ้าน นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ทำทีมาขอตรวจค้นตามหมายศาล พร้อมควบคุมตัวคนในบ้านไม่ให้ออกไปไหน รอจนผู้ใหญ่บ้านพร้อมคนในครอบครัวกลับมาที่บ้านพัก จึงคุมตัวแยกห้องเจรจา ก่อนใช้อาวุธปืนจ่อยิงคนในบ้านทั้ง 11 คน เสียชีวิตรวม 8 ศพ บาดเจ็บอีก 3 ราย เหตุเกิดที่บ้านเลขมี่ 14/3 ม.2 ต.บ้านกลาง เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) พล.ต.อ.จักทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ซึ่งนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้งหมด ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 7 คน รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องอีกประมาณ 3 คน รวมทั้งชนวนเหตุของการสังหารโหดที่ระบุว่า เกิดจากปัญหาขัดแย้งเรื่องการขายฝากที่ดิน ที่ทาง นายวรยุทธ ได้นำที่ดินไปขายฝากไว้กับ นายซูริก์ฟัต แต่หลังจากที่ทาง นายวรยุทธ ไปขอไถ่ถอนคืน นายซูริก์ฟัด กลับไม่สามารถเอาที่ดินมาคืนให้ได้ จึงเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงตั้งแต่เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา และมีการอาฆาตขู่ฆ่าล้างครัวกัน จนเป็นที่มาของการเกิดเหตุฆ่าล้างครัวกันในที่สุด
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (17 ก.ค.) ที่ศูนย์ประชุมเฉพาะกิจ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา สบ 10 พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.สันติบาล พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบ.ช.ภ.8 พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล ผบก.ภ.จว.กระบี่ ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำเพิ่มเติมผู้ต้องหา เพื่อที่จะขออนุมัติหมายศาลจังหวัดกระบี่ ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 7 คน รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องอีกจำหนวนหนึ่งให้เสร็จภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งใกล้จะครบกำหนดการตัวตามผู้ต้องหาตามมาตรา 44 ที่เหลืออีกประมาณ 4 วัน
โดยหนึ่งนั้นคือ นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี หัวหน้าแก๊งที่เป็นคนลงมือยิงคนในบ้านทั้งหมด และจะมีการนำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุอีกหลายจุด นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 3 คน ที่ถูกควบคุมตัวแล้ว และเป็นคนสนิทของ บังฟัต ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวบพยานหลักฐานว่ามีความเกี่ยวข้องต่อคดีอย่างไรบ้าง
ขณะที่บรรยากาศที่บริเวณหน้ากองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน 1) คลองท่อม สถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยด้านหน้าปากทางเข้าตามปกติ โดยมีรายงานว่าผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวเริ่มมีอาการเครียด โดยเฉพาะผู้ต้องหา 6 คน ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ถูกชักชวนให้ไปทวงหนี้เท่านั้น โดยได้ค่าจ้างคนละ 1,000 บาท แต่ไม่รู้ว่าจะมีการฆ่าคนในบ้าน
สำหรับบรรยากาศที่บ้านผู้ใหญ่วรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกลุ่มคนร้ายฆ่ายกครัว ภายในบ้าน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.อ่าวลึก ประมาณ 5-6 นาย ยังตรึงกำลังดูแลสถานที่ที่เกิดเหตุ โดยห้ามคนนอกเข้าไปภายในตัวบ้านอย่างเด็ดขาด
ส่วนที่บ้านของ นายจรีย์ บุตรเติบ พ่อตาของนายวรยุทธ และเป็นสถานที่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นายวรยุทธ และผู้เสียชีวิต ยังคงมีการจัดทำพิธีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะครบ 7 วันแล้วก็ตาม โดยทางญาติของ นายจรีย์ บอกว่า ตอนแรกเมื่อทำบุญครบ 7 วัน ก็จะสิ้นสุดพิธี แต่กลัวว่าจะเงียบเหงา ทาง นายจรีย์ ได้ให้ทำพิธีต่อเพราะคนที่เสียชีวิตทั้ง 8 ศพ มีส่วนเกี่ยวพันกับนายจรีย์ เป็นทั้งลูกเขย ลูกของตัวเอง และหลานๆ
ส่วนที่บ้านของพ่อ และแม่ ของ นายซารีก์ฟัต ซึ่งอยู่ที่หมู่ 1 บ้านเขางาม ต.บ้านกลาง พบว่า พ่อแม่มีอายุมากแล้ว และไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยหลบไปอยู่ที่อื่นแทน เนื่องจากรับไม่ได้ต่อสิ่งที่ลูกชายทำลงไป
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทราบว่า บังฟัต เดิมเป็นคนกระบี่ ทำธุรกิจรับซื้อขายฝากที่ดิน รถยนต์ และอื่นๆ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านวรยุทธ ก็เป็นอีกคนที่นำโฉนดที่ดิน บ้าน รถไปจำนำจำนองกับบังฟัต แต่มาระยะหลังทั้ง 2 คน เริ่มมีปัญหาขัดแย้งกันในเรื่องของเงิน และที่ดิน จึงถึงขั้นมีการขู่ฆ่ายกครัวกันมาแล้ว หลังจากนั้น บังฟัต ได้ย้ายตัวเอง และครอบครัวไปตั้งรกรากและทำธุรกิจเดิมที่จังหวัดภูเก็ต โดยมาอยู่ที่ภูเก็ตประมาณ 3-4 ปีมาแล้ว
มีบ้านพักอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งบริเวณถนนขวาง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ส่วนภรรยา จำหน่ายเสื้อผ้ามือ 2 อยู่ที่ตลาดเสาร์-อาทิตย์ แห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต ขณะที่ บังฟัต นานๆ จะเดินทางกลับบ้านที่กระบี่สักครั้ง เพราะยังมีธุรกิจ และลูกหนี้บางส่วนอยู่ที่จังหวัดกระบี่ โดยบังฟัต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้ที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนที่จะส่งตัวไปดำเนินคดีที่ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ
ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นที่จับกุมตัวได้ที่ภูเก็ตมีอีก 2 คน คือ บังเลาะ และนายชัย สำหรับบังเลาะ คนนี้มีอายุประมาณ 20 กว่าปี เป็นชาวจังหวัดนราธิวาส ถือว่าเป็นคนที่สนิทสนมกับบังเลาะ มากที่สุด หรือที่เรียกว่า เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเลยทีเดียว โดยบังเลาะ ไม่มีอาชีพแน่นอน ทำงานที่ไหนได้ไม่นาน ปัจจุบันไม่ได้ทำอาชีพอะไร ส่วนอีกคนคือ นายชัย สำหรับนายชัย เป็นเพียงลูกจ้าง เดิมเป็นคนทำงานรับจ้างทั่วไป แต่มารู้จักกับบังฟัต ไม่นาน บังฟัต เห็นว่าไม่ค่อยมีงานทำ จึงชักชวนให้มาขับรถให้
นอกจากนั้น ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ยังมีการควบคุมผู้หญิงอีก 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นน่าจะเป็น ภรรยาของบังฟัต ที่ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ทั้ง 2 รายไม่ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุในวันที่มีการลงมือฆ่ากัน