ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หนุ่มใหญ่สืบทอดทายาท “โรงตีเหล็ก” จากบรรพบุรุษรุ่นสุดท้าย พบเหลือเพียงแห่งเดียวใน อ.กระแสสินธุ์ และอาจเป็นแห่งเดียวใน จ.สงขลา ที่ยังหลงเหลืออยู่ พร้อมเปิดเป็นจุดเรียนรู้วิธีการเผา และตีเหล็กแบบโบราณ
วันนี้ (13 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงตีเหล็กของ นายนิติชัย สุขแดง อายุ 46 ปี ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 3/7 หมู่ 3 ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ซึ่งสืบทอดโรงตีเหล็กมาจากบรรพบุรุษเป็นรุ่นสุดท้าย และเป็นโรงตีเหล็กหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ใน อ.กระแสสินธุ์ หรืออาจจะเป็นโรงตีเหล็กแห่งเดียวของ จ.สงขลา และปัจจุบันได้กลายเป็นจุดเรียนรู้การตีเหล็กแบบโบราณอีกด้วย เนื่องจากยังใช้วิธีการเผา และตีเหล็กแบบโบราณ
นายนิติชัย บอกว่า หลังจากที่พ่อเสียชีวิตลงเมื่อปี 2547 ตนในฐานะลูกชายคนเดียว ซึ่งเกิด และโตมากับโรงตีเหล็ก จึงสานต่องานตีเหล็ก ซึ่งเป็นอาชีพของครอบครัวที่สืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อไม่ให้สูญหายไป เพราะปัจจุบันใน จ.สงขลา แทบจะไม่มีโรงตีเหล็กหลงเหลืออีกแล้ว และที่นี่อาจเป็นโรงสุดท้าย ซึ่งตนยังมุ่งมั่น และยึดอาชีพตีเหล็กไปจนกว่าจะหมดแรง และรุ่นตนน่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว เนื่องจากลูกๆ เป็นผู้หญิงทั้งหมด คงไม่มีใครมาสานต่อ และทุกวันมี น.ส.มยุรี สุขแดง อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นพี่สาว ได้มาคอยช่วยกันตีเหล็ก
นายนิติชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการตีเหล็กจะทำออกมาหลากหลายรูปแบบ มีทั้งที่ใช้ในเชิงเกษตร เช่น มีดพร้า มีดปาดตาล เคียวตัดหญ้า เคียวสอยลูกโหนด มีดทำลูกโหนด รวมทั้งประเภทมีดสวยงาม เช่น มีดพก มีดดาบโชว์ และมีดครูหมอหนัง ราคาตั้งแต่เล่มละ 250-350 บาท แต่ละวันจะตีมีดได้ 6-8 เล่ม มีลูกค้าทั้งที่แวะเวียนมาซื้อที่โรงตีเหล็ก และส่งไปจำหน่ายตามตลาดในอำเภอต่างๆ ซึ่งก็พออยู่ได้
นายวิชัย บอกด้วยว่า สำหรับแรงบันดาลใจ ตนจะยึดอาชีพตีเหล็กให้ถึงที่สุดเท่าที่กำลังจะมีอยู่ และพร้อมที่จะถ่ายทอดงานตีเหล็กแบบโบราณให้แก่ผู้ที่สนใจมาเรียนรู้ เพื่อไม่ให้สูญหายไปจากสังคมไทย