ยะลา - จนท.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา ลงพื้นที่ ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา เพื่อรับทราบปัญหา และสร้างความเข้าใจต่อชาวบ้าน หลังจากมีการร้องผ่านสื่อกรณีไม่มีไฟฟ้าใช้มานานถึง 80 ปี
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชาวบ้านชาวบ้านกว่า 100 คน ในชุมชนมัสยิดบ้านฮูยงซูแง บ้านย่อย หมู่ 6 บ้านกูวิง ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อจากความเดือดร้อนไม่มีไฟฟ้าใช้นานถึง 80 ปี ทั้งที่ในหมู่บ้านมีถนนลาดยางสาย อ.ยะหา-อ.กาบัง เสาไฟฟ้าแรงสูงผ่าน โดยทางการไฟฟ้าตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงประมาณปี 2553 บ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีบ้านเลขที่ จากทั้งหมด 100 หลังคาเรือน มีประชากร 400 กว่าคน แม้กระทั่งเด็กๆ ที่นี่จะต้องเรียนอัลกรุอานเร็วขึ้น ต่างจากเด็กในพื้นที่อื่นเพราะมัสยิดเราไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้ไฟแบตเตอรี่รถยนต์ เด็กที่นี่เรียนอันกรุอานวันละ 1 ชั่วโมงเอง เพราะจะให้เรียนเยอะเหมือนที่อื่นไม่ได้ แบตเตอรี่ที่มัสยิดใช้อยู่ 2 ปี เปลี่ยนครั้งโดยมีราคาลูกละ 2,000-3,000 บาท
เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสกายอกูวิง ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นป่าเขาชาวบ้านจะสร้างบ้านจะเป็นหย่อมๆ ที่ผ่านมา ชาวบ้าน และผู้นำชุมชนได้ทำหนังสือเรียกร้องขออนุญาตเพื่อขยายเขตระบบจำหน่าย ปักเสาไฟฟ้า และพาดสายไฟฟ้า แต่เรื่องกลับเงียบ ในอดีตเมื่อปี พ.ศ.2544 ทางรัฐบาลในสมัยนั้นได้ให้ไฟโซลาร์เซลล์กับชาวบ้าน แต่ทุกวันนี้โซลาร์เซลล์เสียหมดแล้ว ชาวบ้านที่พอมีเงินหน่อยก็ซื่อใหม่ หรือไม่ก็ซื้อหัวเครื่องจักรรถไถ่นานำมาทำเป็นเครื่องปันไฟ ส่วนบ้านไหนที่ไม่มีเงินก็จะใช้เทียน หรือตะเกียง ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน โดยเฉพาะเด็กๆ ในหมู่บ้านกว่า 100 คน ที่ต้องใช้เทียนส่องแสงอ่านหนังสือ และทำการบ้าน
ล่าสุด นายอดิมาน มะแอ ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา นายอดุลย์ ดอมิ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ ยะลา เขต 2 เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อชี้แจ้งความคืบหน้า และสร้างความเข้าใจต่อชาวบ้านทราบถึงปัญหา มีชาวบ้านกว่า 200 คน ออกมารับฟัง โดยมี นายอับดุลรอซิ ทาเยาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบาโร๊ะ แก่นนำชาวบ้าน นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านบางสวนที่มีทะเบียนบ้าน โฉนดที่ดินมาโชว์ให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ดูว่าพื้นที่บางส่วนไม่ติดเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสกายอกูวิง
นายอดิมาน มะแอ ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของ จ.ยะลา มีอยู่คนเดียว จ.สงขลา มีทั้งหมด 8 คน จังหวัดปัตตานี และนราธิวาสก็หลายคน แต่ของเราลาออกไปก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ใหม่มา ทางกระทรวงก็ไมได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเพิ่มเติม ทางเราก็ได้เสนอไปหลายครั้งแล้วในเรื่องนี้ ข้างบนก็ไม่ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงมา ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันประสาน หรือทำอย่างไรก็ได้มาช่วยดำเนินการในเรื่องนี้
ถ้าเป็นไปได้อยากจะขอกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพราะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสำนักงานส่วนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา มีเพียงคนเดียว ไม่สามารถที่จะบริการให้แก่ประชาชน หรือหน่วยงานของรัฐเองที่มาขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนทำให้เรื่องมีความล่าช้า เจ้าหน้าที่ที่มีอยู่เพียงคนเดียวบางครั้งแอบร้องไห้ เพราะเนื้อที่ป่าไม้ของจังหวัดยะลา ที่ต้องรับผิดชอบ 1.2 ล้านไร่ เจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวทำไม่ทัน
“ส่วนแนวทางการแก้ไข และดำเนินการต่อไปคือ การตรวจสอบ 12 รายการที่ทางกรมป่าไม้ขอมา จะทำหนังสือถึงสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 สาขานราธิวาส และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อมาประชุมหารือร่วมกันว่าเราจะหาเอกสารที่ทางกรมป่าไม้ขอมาด้วยวิธีใด ซึ่ง 12 รายการที่ทางกรมป่าไม้ ขอมานั้น หากว่าตรงกับหน่วยงานใดผมจะทำหนังสือขอเองจะทำให้เร็วที่สุด หากเอกสารครบทางกรมป่าไม้อนุญาตได้แน่นอน ทำให้ชาวบ้านเริ่มมีความความหวังที่จะได้มีไฟฟ้าใช้เหมือนกับหมู่บ้านอื่น” นายอดิมาน มะแอ กล่าว
น.ส.รอกีเย๊ะ สะแลแม ชาวบ้านกล่าวว่า หากไฟฟ้าลงมาจริงก็รู้สึกดีใจ อยากให้ไฟฟ้าลงมาเร็วๆ สงสารเด็กๆ จะได้ทำกลางบ้าน และเรียนอัลกรุอานเหมือนกับเด็กในหมู่บ้านอื่น ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ลงมาชาวบ้านจะมั่นใจทุกครั้ง แต่ก็เงียบไม่เห็นมีความคืบหน้า ครั้งนี้มั่นใจเหมือนกันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนกับทุกครั้งหรือเปล่า
นายอาแซ สาแลง ผู้ใหญ่บ้านกูวิง กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นแต่ก็ไม่รู้ว่ากี่เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความหวังมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ เพราะมีการเสนอข่าวหลังที่ชาวบ้านร้องเรียนไปถือว่าโอกาสที่จะได้มีมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มมีความหวังมากขึ้นทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ต่างมีรอยยิ้มมีความหวัง เมื่อพูดถึงไฟฟ้าที่กำลังจะเข้าเพื่อส่องแสงสว่างให้พวกเรา
