xs
xsm
sm
md
lg

วุ่น! ตลาด อบจ.ตรัง ผู้ประมูลและแม่ค้าหวิดปะทะกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ตรัง - แม่ค้าแผงขายปลาตลาด อบจ.ตรัง แจ้งความผู้ประมูลตลาดย่านตาขาว นำแท่งปูนไปวางปิดกั้นไม่ให้ตั้งแผงขายของได้ หวิดเกิดการปะทะ อีกฝ่ายยืนยันทำไปอย่างเหมาะสมแล้ว

วันนี้ (7 ก.ค.) น.ส.สุดาวัลย์ เจริญรูป อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122/39 ถนนตรัง-ปะเหลียน ม.1 9 ต.ย่านตาขาว จ.ตรัง พร้อมกับ น.ส.พิไล ดอกดวง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117/1 ม.1 ต.ย่านตาขาว จ.ตรัง โดยทั้งคู่ประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าแผงขายปลา ภายในตลาดองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ตั้งอยู่เขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ประเสริฐ ทองสุข ร้อยเวรสอบสวน สภ.ย่านตาขาว เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

โดยทั้ง 2 คน ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของคืนวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสกนธ์ สินไชย หรือโกแอ๊ด เจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งใน จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้ประมูลตลาดสดในเขตเทศบาล ต.ย่านตาขาว ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ อบจ.ตรัง ได้เดินทางมายังด้านหลังตลาด พร้อมด้วยชายวัยกลางคนไม่ทราบชื่อกว่า 5-6 ราย ก่อนนำรถบรรทุกพร้อมแท่งปูนแบริเออร์มาตั้งที่ขอบถนนขวางทางเดินหน้าแผงปลาของแม่ค้า จนเกิดมีปากเสียงกับลูกสาวของ น.ส.สุดาวัลย์ และลูกสาวของ น.ส.พิไล ก่อนจะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาห้ามมิให้มีเหตุรุนแรง
 

 
ส่วนสาเหตุสืบเนื่องมาจากกรณีที่สาววัยรุ่นทั้ง 2 คน ได้ทำการถ่ายคลิป ขณะที่ นายสกนธ์ กับพวกกำลังเอาเหล็กรั้วไปกันหน้าร้าน น.ส.สุดาวัลย์ จนลูกค้าแทบไม่สามารถเดินเข้าไปซื้อสินค้าได้ แถมยังยกแท่งปูนแบริเออร์ไปวางปิดกั้นไม่ให้ตั้งแผงขายปลาได้อีก จึงต้องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ย่านตาขาว และขอให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการให้ความเป็นธรรมด้วย

ขณะที่ นายสกนธ์ หรือโกแอ๊ด กล่าวชี้แจงว่า เหตุปะทะอารมณ์กับกลุ่มผู้ค้าในตลาดย่านตาขาวครั้งนี้ เป็นปัญหาเรื้อรังสะสมมานานนับตั้งแต่ต้นปี 2560 โดยทางผู้ดูแลตลาดต้องการเข้ามาจัดระเบียบ เพราะก่อนหน้านี้ มีผู้ค้าอีกกลุ่มได้ไปร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง ว่า มีผู้ค้า 3-4 ราย เข้ามาสร้างปัญหา โดยการขายของในจุดที่ห้ามขาย และเคยตักเตือนกันแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังเพิกเฉย ดังนั้น ตนพร้อมทีมงานจึงจำเป็นต้องนำแท่งปูนแบริเออร์ไปวางปิดกั้นไว้ จนเกิดการโวยวายกันขึ้น แต่ตนยืนยันว่า ไม่ได้มีการลงไม้ลงมือ หรือตบตีผู้ใดตามที่มีกระแสข่าวลือ และทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยหากทราบว่าใครเป็นผู้ปล่อยข่าวก็จะฟ้องหมิ่นประมาททันที
 

กำลังโหลดความคิดเห็น