เป็นความภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้ ของ ด.ช.วชิรวิทย์ สามารถ หรือ “อามานี่” จิตรกรอายุน้อยที่สุด ที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จพระราชทานถ้วยรางวัลให้ผู้ที่ชนะการประกวด โครงการศิลปกรรมช้างเผือก หัวข้อ “ความสุขของคนไทย ใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์” จำนวน 21 คน และทรงเปิดนิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 6 ภายใต้หัวข้อ “ความสุขของคนไทย ใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์” จัดโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ณ ชั้น 7 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ก่อนหน้านี้ หลายๆ คนคงจะรู้จัก และได้ยินชื่อของ ด.ช.วชิรวิทย์ สามารถ หรือ “อามานี่” เด็กน้อยที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัย 11 ขวบ ซึ่งมีความสามารถด้านการวาดรูป และโด่งดังในโลกออนไลน์มาแล้ว แต่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบถึงตัวตน การใช้ชีวิตของจิตรกรน้อยผู้มากฝีมือ ว่า เป็นใคร มาจากไหน ใช้ชีวิตอย่างไร ทำไมถึงมีความสามารถมากมาย และกล้าหาญที่จะส่งภาพเข้าประกวดร่วมกับบุคคลทั่วไป และศิลปินที่มีชื่อเสียงมากถึง 136 คน จำนวนผลงาน 151 ผลงาน
สำหรับการการประกวดครั้งนี้ คัดเลือกผู้ที่ได้รับรางวัลเพียงแค่ 21 รางวัลเท่านั้น และหนึ่งในนั้นคือ “อามานี่” เด็กน้อยผู้มากด้วยความสามารถ และมีพรสวรรค์ในการวาดภาพอย่างแท้จริง จนได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล “CEO Award” ซึ่งนับว่าเป็นเด็กคนแรกที่สามารถคว้ารับรางวัลนี้ไปครองจากผลงาน “พระราชาของเด็ก 10 ขวบ”
ด.ช.วชิรวิทย์ สามารถ หรือ “อามานี่” อายุ 11 ขวบ เป็นเด็กภูเก็ตโดยกำเนิด บุตรชายของ นายมานะ สามารถ ชาวบ้านบ้านอ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีน้องชาย 1 คน คือ ด.ช.อชิรวิทย์ สามารถ หรือดาเนียล อายุ 9 ขวบ ขณะนี้ อามานี่ เรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา อ.เมืองภูเก็ต ถ้ามาดูถึงการใช้ชีวิตของ 2 พี่น้อง ตระกูลสามารถ ทั้ง อามานี่ กับน้องชาย ก็มีชีวิตเหมือนเด็กปกติทั่วๆ ไป ที่ทั้งเรียนหนังสือ และเล่นกับเพื่อนๆ ตามประสาเด็ก แต่จะมีความแตกต่างกับเด็กคนอื่นก็ตรงที่ไม่ต้องใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปเรียนพิเศษเท่านั้น
นายมานะ คุณพ่อของ อามานี่ เล่าให้ฟังว่า “อามานี่” เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากตั้งแต่เด็กๆ มาแล้ว ตอนเช้าตื่นนอน อาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียนเอง ใช้เวลาว่างช่วง 15.00-16.00 น. ทำการบ้านที่ครูมอบหมายให้เสร็จตั้งแต่อยู่โรงเรียน หลังจากเลิกเรียนกลับบ้านก็จะขอไปเล่นกับเพื่อนๆ ตามประสาเด็ก
แต่เล่นไม่นานก็จะกลับมาทำสิ่งที่ตัวเองรัก คือ การเขียนภาพ โดยจะใช้เวลาเขียนภาพ เรียนรู้เทคนิคการเขียนภาพ อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเขียนภาพวันละหลายชั่วโมง โดยที่พ่อแม่ไม่บังคับว่าจะต้องทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่คนเป็นพ่อแม่ก็พร้อมให้การสนับสนุนทุกอย่างที่ลูกต้องการ โดยเฉพาะในสิ่งที่ลูกชอบ ส่วนเรื่องการเรียนก็ไม่บังคับว่าจะต้องเรียนอะไรเมื่อโตขึ้น
ขณะที่ “อามานี่” เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการวาดภาพ ว่า ตอนเด็กๆ ก็จะตามพ่อไปอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งอยู่ติดกับร้านวาดรูป เห็นการวาดรูปทุกวันก็รู้สึกชอบ จนกระทั่งอายุ 5 ขวบ ก็ลองวาดรูปลายเส้นด้วยดินสอ ภาพแรกที่วาด คือ ภาพพญานาค หลังจากวาดรูปแรก ก็วาดภาพต่อมาเรื่อยๆ เช่น การเขียนหน้าคน รูปพระพิฆเนศ รูปลายไทย รูปที่ชอบมากที่สุดเป็นการวาดภาพลายไทย เหตุผลเพราะอยากให้ลายไทยยังคงอยู่ต่อไปไม่สูญหายไปไหน
สำหรับการวาดภาพที่ผ่านมาไม่ได้เรียนอย่างจริงจัง อาศัยฝึกวาดด้วยตนเอง ศึกษาจากหนังสือวาดภาพ ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต เคยไปเรียนกับอาจารย์ช่วงหนึ่งเป็นการเรียนเขียน ปาก จมูก ตา หลายๆ คนบอกว่า อามานี่ เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ แต่ตัวเองคิดว่าแค่พรสวรรค์เพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถจะทำให้การวาดรูปออกมาดีได้ จึงต้องแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะที่ผ่านมาไม่มีครูสอน ความรู้ และเทคนิคการวาดภาพ การใช้สี จึงต้องแสวงหาด้วยตัวเอง ภายใต้การสนับสนุนของพ่อแม่
แต่หลังจากมีคนเอาผลงานไปโพสต์ตามเฟซบุ๊กต่างๆ จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป รวมทั้ง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชื่อดัง และศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกหลายคน ทำให้มีโอกาสในการศึกษาเรียนรู้เทคนิคจากอาจารย์ต่างๆ ที่คอยให้คำแนะนำ เวลาส่งไลน์ หรือโทรศัพท์ ไปสอบถาม ทุกคนจะให้คำแนะนำเป็นอย่างดี แต่ส่วนใหญ่ก็ยังฝึกฝน และเรียนด้วยตัวเอง รวมทั้งไปศึกษาดูภาพวาดที่มีการจัดแสดงตามที่ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา พ่อและแม่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาโดยตลอด ทั้งเรื่องของการซื้อหนังสือ หรือพาไปดูภาพเขียนที่จัดแสดงตามหอศิลป์ เพื่อเรียนรู้เทคนิคการวาดภาพ และสร้างแรงบันดาลใจ
เหตุผลที่ชอบวาดรูป “อามานี่” บอกว่า เวลาลงมือวาดรูปจะรู้สึกมีพลัง คิดอะไรก็วาดไปตามที่เราคิด ไม่เคยรู้สึกเบื่อ แม้ว่าบางภาพจะใช้เวลาวาดนานถึง 50 วัน การวาดภาพแต่ละครั้ง ไม่ได้วาดแค่ภาพเดียว แต่จะขึ้นเฟรมภาพหลายๆภาพ ถ้ารู้สึกว่าภาพที่กำลังวาดอยู่ไม่สามารถวาดต่อได้ ก็จะเปลี่ยนไปวาดภาพอื่น เมื่ออารมณ์ของภาพเดิมกลับมาก็มานั่งวาดต่อ การขึ้นเฟรมภาพหลายๆ เฟรมจะทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ และสามารถอยู่กับการวาดภาพได้วันละหลายๆชั่วโมง จนถึงขณะนี้มีภาพที่วาดเสร็จแล้วมากกว่า 1,000 ภาพ ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนถึงปัจจุบัน โดยภาพที่วาดไว้จะเก็บไว้ทั้งหมด ยกเว้นบางภาพที่ที่มอบให้แก่คนรู้จักเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจ
ตัดสินใจส่งภาพประกวดทั้งๆ ที่คนส่งผลงานล้วนเป็นผู้ใหญ่ และบางคนเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในการเขียนภาพ ทั้งสิ้น “อามานี่” บอกว่า การส่งภาพประกวดเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ทราบว่ามีการประกวดภาพ โครงการศิลปกรรมช้างเผือก หัวข้อ “ความสุขของคนไทย ใต้ร่มพระบารมี 70 ปี แห่งการครองราชย์” ก็ขออนุญาตพ่อแม่ส่งเข้าประกวด ตอนแรกพ่อแม่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ส่งเข้าประกวด แต่ก็ได้มีการพูดคุยกันจนกระทั่งได้ส่งเข้าประกวด ในชื่อผลงาน “พระราชาของเด็ก 10 ขวบ” เทคนิคหมึกดำ สีอะคริลิกบนผ้าใบ ขนาด 150 x 200 ซม. ผลงานชิ้นนี้ใช้เวลาวาด 50 วัน โดยวาดในช่วงปิดเทอม โดยขณะนี้ภาพดังกล่าวได้จัดแสดงไว้ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
การส่งผลงานเข้าประกวดในครั้งนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รางวัล แค่ได้นำผลงานเข้าร่วมการประกวดก็ ถือเป็นประสบการณ์แล้ว และถือเป็นการการประกวดรายการแรก และเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมากที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล “CEO Award” และได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีรับรางวัล ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
หลังจากนั้น ก็ได้ส่งภาพเข้าประกวดอีกรายการ คือ โครงการจิตรกรรมเอเชีย พลัส ครั้งที่ 7 หัวข้อ “ในใจไทยทั่วหล้า” ผลงานชิ้นนี้ใช้เวลาวาด 29 วัน ภาพใหญ่กว่าชิ้นแรกที่ส่งเข้าประกวด ใช้เทคนิคหมึกดำ สีอะคริลิกบนผ้าใบ และเป็นผลงานอีกชิ้นที่ได้รับรางวัล CEO Special Talent Award ซึ่งรับรางวัลไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับแรงบันดาลใจในการวาดภาพทั้ง 2 ภาพ เกิดจากความรักที่มีต่อในหลวง ร.๙ และอยากให้พระองค์ท่านภูมิใจในงานที่ทำออกมา ทุกภาพจึงมีความตั้งใจในการวาด เพราะต้องการสื่อให้เห็นถึงความรักที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงมีต่อพสกนิกร และในปีนี้จะส่งภาพเข้าประกวดอีก 2 ภาพ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวาดภาพ
ส่วนความฝันของหนูน้อยคนนี้ บอกเพียงว่า ต้องการเป็นแค่ศิลปินธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่อยากเห็นมาก และอยากให้เกิดขึ้นในภูเก็ต คือ หอศิลป์ เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดงภาพของศิลปินต่างๆ ในภูเก็ต ที่สำคัญภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเรื่องของศิลปะเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันยังไม่มีสถานที่ในการจัดแสดงผลงานเลย
แน่นอนว่ามาถึงตอนนี้ “อามานี่” เด็กน้อยผู้ที่มีทั้งพรสวรรค์ ความเป็นอัจฉริยะ และมีความสามารถเกินวัย กำลังเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น เพราะผลงานที่ออกมาสู่สายตาของคนทั่วไปมีความโดดเด่น สร้างความทึ่ง ความมหัศจรรย์ใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเขียนเส้นลายไทยที่มีอิสระงดงาม และมีความเป็นตัวของตัวเองในการสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เป็นที่ยอมรับของอาจารย์ศิลปินดังๆ ทั่วประเทศ
“อามานี่” คือตัวอย่างของเด็กมีความสามารถ มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่ไม่เคยหยุด อยู่แค่พรสวรรค์ เพราะคิดเสมอว่า การรังสรรค์ผลงานจะอาศัยพรสวรรค์อย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องอาศัยพรแสวงเข้ามาช่วยด้วย แม้การหาพรแสวงสำหรับ “อามานี่” และครอบครัวไม่ใช่เรื่องที่ได้มาง่ายๆ แต่ครอบครัวนี้ก็ไม่เคยย่อท้อ ยังคงเดินหน้าค้นหาต่อไปเพื่อกลับมาพัฒนาฝีมือและสร้างผลงานดีๆ ต่อไป