สุราษฎร์ธานี - แก๊งควายออกอาละวาดหนัก พบ 2 เหยื่อถูกหลอกสูญเงินรายละ 200,000 บาท วิ่งโร่แจ้งความตำรวจดำเนินคดี ตรวจสอบกล้องวงปิดของธนาคารจับภาพคนร้ายได้ชัดเจนขณะนำเหยื่อเบิกเงิน แต่สาวต่อไม่ได้
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก นายสุรพล ถึงเจริญ กำนันตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า มี นางหนูพงษ์ ทิพย์บรรพต อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 หมู่ที่ 2 บ้านดอนทราย ตำบลศรีวิชัย ถูกแก๊งควายฉวยโอกาสที่อยู่บ้านคนเดียวเข้าตีสนิทแล้วพูดจาหลอกลวงพา นางหนูพงษ์ ไปเบิกเงิน จำนวน 200,000 บาท จากธนาคารแล้วหลบหนีไป
หลังจากผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจึงเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว โดย นางหนูพงษ์ ผู้เสียหายได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนอยู่ในบ้านเพียงลำพัง เวลาประมาณ 08.30 น. ได้มีรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าบ้าน โดยมีผู้ชาย และผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน เข้ามาติดต่อสอบถามการซื้อขายที่ดินว่าแถวนี้มีใครจะขายที่บ้างไหม
ตนจึงบอกว่ามีหลานชายต้องการจะขายที่ กลุ่มคนดังกล่าวจึงขอให้ตนนำไปพบหลานชาย และจะให้ค่านายหน้าเป็นเงิน 200,000 บาท ตนหลงเชื่อเลยขึ้นรถไปกับเขาเพื่อพาไปพบหลานชายหลังจากพบหลานชายแล้ว กลุ่มคนดังกล่าวได้พาตนกลับมา และได้ขับรถไปรับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่คอยอยู่บริเวณถนนสาย 417 สนามบินสุราษฎร์ธานี
จากนั้นได้นำตนกลับมาบ้านพักพร้อมพูดคุยหลอกล่อ กล่อมจนตนคล้อยตามจะให้ค่านายหน้าจากการซื้อขายที่ดิน จำนวน 200,000 บาท แต่ต้องให้ตนนำเงิน จำนวน 200,000 บาท มาร่วมกันลงทุนซื้อขายที่ดิน จนตนคล้อยตามเข้าเอาสมุดธนาคาร และไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาอำเภอพุนพิน จากนั้นกลุ่มคนดังกล่าวได้นำตนมาส่งที่บ้านแล้วก็หายไป
หลังจากนั้น จึงได้สติคิดทบทวนเรื่องดังกล่าว และคิดได้ว่าตนถูกหลอกลวงแน่ จึงโทรศัพท์ตามหลานชายนำตนไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.พุนพิน และเก็บเรื่องดังกล่าวไว้โดยไม่บอกใครกลัวลูกๆ หลานๆ จะเสียใจ แต่เรื่องมาแดงเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
ด้านกำนันตำบลศรีวิชัย บอกว่า ทราบเรื่องเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่ามีแก๊งควายเข้ามาหลอกลวงคนในพื้นที่ จึงได้ติดตามสอบถามคนในหมู่บ้าน จนทราบว่า มีผู้เสียหายในพื้นที่ และก่อนจะเกิดเหตุต่อ นางหนูพงษ์ กลุ่มคนดังกล่าวได้ขับรถเข้าที่บ้านพักของชาวบ้านที่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านนี้ไปประมาณ 800 เมตร แต่โชคดีเจ้าของบ้านไหวตัวทันเสียก่อนจึงไม่ได้ตกเป็นเหยื่อ
ในขณะที่ น.ส.บุญรับ ลูกสาวผู้เสียหาย บอกว่า เงินที่แม่สะสมมากว่า 30 ปี จากขายพืชผักสวนครัวที่ปลูกข้างบ้าน และเงินผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท แม่ไม่เคยเบิกมาใช้ หวังเก็บไว้ใช้ยามเจ็บป่วย แต่มาถูกกลุ่มคนดังกล่าวมาหลอกเอาไปหมด จึงขอวิงวอนขอให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
ทุกวันนี้แม่ตนต้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัว และวิตกกังวล กลัวจะได้รับอันตรายจากบุคคลดังกล่าวที่จะหวนกลับมาทำร้าย ถึงแม้ปากแม่จะบอกไม่กลัวเพื่อให้ลูกๆ หลานๆ คลายความวิตกกังวลก็ตาม แต่ลูกๆ ก็ต้องหมุนเวียนมาอยู่เป็นเพื่อน ช่วงไหนที่อยู่คนเดียวต้องปิดประตูบ้าน และเก็บตัวอยู่ในบ้าน
ด้าน พ.ต.อ.กฤศ โอสถาพันธุ์ ผกก.สภ.พุนพิน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคารในวันเกิดเหตุ กล้องบันทึกภาพรถยนต์คันดังกล่าววิ่งมาจอดที่หน้าธนาคาร และมีผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปี นำผู้เสียหายลงจากรถเดินเข้าไปเบิกเงินต่อพนักงานธนาคาร กล้องจับภาพใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน
แต่จากการสอบสวนขยายผลพบว่า รถเก๋งคันดังกล่าวใช้ทะเบียนปลอม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางการเดินทางของกลุ่มคนร้ายเพื่อขยายผลจับกุมต่อไป และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายไม่ใช่คนในพื้นที่ และน่าจะเคยก่อคดีแบบนี้มาหลายพื้นที่แล้ว
พร้อมกับกล่าวเตือนประชาชน ว่า ในขณะนี้ในพื้นที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงที่มีพฤติกรรมมาในรูปแบบการซื้อขายที่ดินโดยเอาผลประโยชน์มาอ้าง เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อจะได้ประโยชน์เหล่านั้น แล้วหลอกเอาเงินสดไป โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวโอกาสที่ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงคนเดียวเข้ามาตีสนิทพูดจาหลอกล่อจนมีผู้หลงเชื่อ จนสูญเสียทรัพย์สินไป
ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่อำเภอพุนพิน มีผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุแล้ว 2 คน โดยแต่ละคนเสียเงินไปคนละ 200,000 บาท และขอความร่วมมือประชาชนหากผู้ใดรู้จักผู้หญิงวัยกลางคนตามภาพนี้ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1738-4220
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก นายสุรพล ถึงเจริญ กำนันตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า มี นางหนูพงษ์ ทิพย์บรรพต อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 หมู่ที่ 2 บ้านดอนทราย ตำบลศรีวิชัย ถูกแก๊งควายฉวยโอกาสที่อยู่บ้านคนเดียวเข้าตีสนิทแล้วพูดจาหลอกลวงพา นางหนูพงษ์ ไปเบิกเงิน จำนวน 200,000 บาท จากธนาคารแล้วหลบหนีไป
หลังจากผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจึงเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว โดย นางหนูพงษ์ ผู้เสียหายได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนอยู่ในบ้านเพียงลำพัง เวลาประมาณ 08.30 น. ได้มีรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าบ้าน โดยมีผู้ชาย และผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน เข้ามาติดต่อสอบถามการซื้อขายที่ดินว่าแถวนี้มีใครจะขายที่บ้างไหม
ตนจึงบอกว่ามีหลานชายต้องการจะขายที่ กลุ่มคนดังกล่าวจึงขอให้ตนนำไปพบหลานชาย และจะให้ค่านายหน้าเป็นเงิน 200,000 บาท ตนหลงเชื่อเลยขึ้นรถไปกับเขาเพื่อพาไปพบหลานชายหลังจากพบหลานชายแล้ว กลุ่มคนดังกล่าวได้พาตนกลับมา และได้ขับรถไปรับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่คอยอยู่บริเวณถนนสาย 417 สนามบินสุราษฎร์ธานี
จากนั้นได้นำตนกลับมาบ้านพักพร้อมพูดคุยหลอกล่อ กล่อมจนตนคล้อยตามจะให้ค่านายหน้าจากการซื้อขายที่ดิน จำนวน 200,000 บาท แต่ต้องให้ตนนำเงิน จำนวน 200,000 บาท มาร่วมกันลงทุนซื้อขายที่ดิน จนตนคล้อยตามเข้าเอาสมุดธนาคาร และไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาอำเภอพุนพิน จากนั้นกลุ่มคนดังกล่าวได้นำตนมาส่งที่บ้านแล้วก็หายไป
หลังจากนั้น จึงได้สติคิดทบทวนเรื่องดังกล่าว และคิดได้ว่าตนถูกหลอกลวงแน่ จึงโทรศัพท์ตามหลานชายนำตนไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.พุนพิน และเก็บเรื่องดังกล่าวไว้โดยไม่บอกใครกลัวลูกๆ หลานๆ จะเสียใจ แต่เรื่องมาแดงเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
ด้านกำนันตำบลศรีวิชัย บอกว่า ทราบเรื่องเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่ามีแก๊งควายเข้ามาหลอกลวงคนในพื้นที่ จึงได้ติดตามสอบถามคนในหมู่บ้าน จนทราบว่า มีผู้เสียหายในพื้นที่ และก่อนจะเกิดเหตุต่อ นางหนูพงษ์ กลุ่มคนดังกล่าวได้ขับรถเข้าที่บ้านพักของชาวบ้านที่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านนี้ไปประมาณ 800 เมตร แต่โชคดีเจ้าของบ้านไหวตัวทันเสียก่อนจึงไม่ได้ตกเป็นเหยื่อ
ในขณะที่ น.ส.บุญรับ ลูกสาวผู้เสียหาย บอกว่า เงินที่แม่สะสมมากว่า 30 ปี จากขายพืชผักสวนครัวที่ปลูกข้างบ้าน และเงินผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท แม่ไม่เคยเบิกมาใช้ หวังเก็บไว้ใช้ยามเจ็บป่วย แต่มาถูกกลุ่มคนดังกล่าวมาหลอกเอาไปหมด จึงขอวิงวอนขอให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
ทุกวันนี้แม่ตนต้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัว และวิตกกังวล กลัวจะได้รับอันตรายจากบุคคลดังกล่าวที่จะหวนกลับมาทำร้าย ถึงแม้ปากแม่จะบอกไม่กลัวเพื่อให้ลูกๆ หลานๆ คลายความวิตกกังวลก็ตาม แต่ลูกๆ ก็ต้องหมุนเวียนมาอยู่เป็นเพื่อน ช่วงไหนที่อยู่คนเดียวต้องปิดประตูบ้าน และเก็บตัวอยู่ในบ้าน
ด้าน พ.ต.อ.กฤศ โอสถาพันธุ์ ผกก.สภ.พุนพิน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคารในวันเกิดเหตุ กล้องบันทึกภาพรถยนต์คันดังกล่าววิ่งมาจอดที่หน้าธนาคาร และมีผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปี นำผู้เสียหายลงจากรถเดินเข้าไปเบิกเงินต่อพนักงานธนาคาร กล้องจับภาพใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน
แต่จากการสอบสวนขยายผลพบว่า รถเก๋งคันดังกล่าวใช้ทะเบียนปลอม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางการเดินทางของกลุ่มคนร้ายเพื่อขยายผลจับกุมต่อไป และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายไม่ใช่คนในพื้นที่ และน่าจะเคยก่อคดีแบบนี้มาหลายพื้นที่แล้ว
พร้อมกับกล่าวเตือนประชาชน ว่า ในขณะนี้ในพื้นที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงที่มีพฤติกรรมมาในรูปแบบการซื้อขายที่ดินโดยเอาผลประโยชน์มาอ้าง เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อจะได้ประโยชน์เหล่านั้น แล้วหลอกเอาเงินสดไป โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวโอกาสที่ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงคนเดียวเข้ามาตีสนิทพูดจาหลอกล่อจนมีผู้หลงเชื่อ จนสูญเสียทรัพย์สินไป
ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่อำเภอพุนพิน มีผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุแล้ว 2 คน โดยแต่ละคนเสียเงินไปคนละ 200,000 บาท และขอความร่วมมือประชาชนหากผู้ใดรู้จักผู้หญิงวัยกลางคนตามภาพนี้ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1738-4220