ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เปิดเวทีไทย-พม่า ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ครั้งที่ 31 ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงตลอดแนวชายแดน มีเอกภาพ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงแรมป่าตอง รีสอร์ท แอนด์สปา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่า กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน (ฝ่ายไทย) ร่วมกับ พล.ท.มินหน่อง ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4 เป็นประธาน (ฝ่ายพม่า) ในพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า ครั้งที่ 31 (RBC -31) โดยมี พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ทหารบก ทหารอากาศ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายไทย และพม่าเข้าร่วมประชุม
ตามที่กองทัพภาคที่ 3/ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3/ศูนย์ส่วนควบคุมชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่า กองทัพภาคที่ 3 เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการในการประสานงานและการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ไทย-พม่า อย่างมีเอกภาพ จึงจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า ครั้งที่ 31 (RBC) ขึ้น
เพื่อสร้างความร่วมมือ และส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกระดับ อันจะก่อให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดน เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ และความมั่นคงที่มีอยู่ ตลอดจนการพัฒนาส่งเสริมในเรื่องของการประสานประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ตามแนวชายแดนด้วยมาตรการที่ถูกต้อง และเหมาะสมบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และผลักดันให้เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ
ประกอบด้วย ความร่วมมือด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทหารในพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การบรรเทาสาธารณภัย การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การต่อต้านขบวนการก่อการร้ายและอาวุธสงคราม การแก้ไขปัญหาต่างด้าวให้ถูกกฎหมาย การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และความร่วมมือต่อโครงการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของประชาชนทั้งสองประเทศตามแนวชายแดน
พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ประธานคณะกรรมการฯร่วมฝ่ายไทย กล่าวว่า ความสัมพันธ์ในห้วงเวลาที่ผ่านมาระหว่างไทยกับพม่า อยู่ในระดับที่ดีมาก มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะกรรมการในทุกระดับ รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งสองฝ่าย ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสัมพันธ์ดำเนินไปด้วยดีในทุกระดับ ตลอดจนความก้าวหน้าความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทยกับพม่า ที่มีการตกลงร่วมกันเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ มากมายที่ผ่านมานั้นย่อมเป็นนิมิตหมายอันดีที่บ่งบอกถึงโอกาสในการแสวงหาความร่วมมือในการพัฒนาประเทศร่วมกันในอนาคต
“ผู้บังคับบัญชาระดับสูง” และตนเห็นว่า คณะกรรมการ RBC ไทย-พม่า ถือว่าเป็นกลไกความร่วมมือหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการคลี่คลายปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนให้ได้ข้อยุติระดับพื้นที่ นอกจากนั้น คณะกรรมการชุดนี้ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะที่เป็นกลไกเชื่อมต่อความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการระดับสูง หรือ SLC กับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ EBC สังเกตได้จากการบันทึกข้อตกลงในแต่ละครั้งที่ผ่านมา
มีความคืบหน้าในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการทหาร เศรษฐกิจการค้า การบรรเทาภัยพิบัติ และการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ดังนั้น ในการประชุม ครั้งที่ 31 นี้ จึงมุ่งหวังว่าประเด็นในการหารือจะมุ่งเน้นในความร่วมมือกัน และความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นหลัก อันจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แนบแน่น และความจริงใจที่มีต่อกัน” พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวในที่สุด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงแรมป่าตอง รีสอร์ท แอนด์สปา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่า กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน (ฝ่ายไทย) ร่วมกับ พล.ท.มินหน่อง ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4 เป็นประธาน (ฝ่ายพม่า) ในพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า ครั้งที่ 31 (RBC -31) โดยมี พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ทหารบก ทหารอากาศ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายไทย และพม่าเข้าร่วมประชุม
ตามที่กองทัพภาคที่ 3/ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3/ศูนย์ส่วนควบคุมชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่า กองทัพภาคที่ 3 เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการในการประสานงานและการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ไทย-พม่า อย่างมีเอกภาพ จึงจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-พม่า ครั้งที่ 31 (RBC) ขึ้น
เพื่อสร้างความร่วมมือ และส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกระดับ อันจะก่อให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดน เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ และความมั่นคงที่มีอยู่ ตลอดจนการพัฒนาส่งเสริมในเรื่องของการประสานประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ตามแนวชายแดนด้วยมาตรการที่ถูกต้อง และเหมาะสมบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และผลักดันให้เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ
ประกอบด้วย ความร่วมมือด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทหารในพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การบรรเทาสาธารณภัย การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การต่อต้านขบวนการก่อการร้ายและอาวุธสงคราม การแก้ไขปัญหาต่างด้าวให้ถูกกฎหมาย การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และความร่วมมือต่อโครงการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของประชาชนทั้งสองประเทศตามแนวชายแดน
พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ประธานคณะกรรมการฯร่วมฝ่ายไทย กล่าวว่า ความสัมพันธ์ในห้วงเวลาที่ผ่านมาระหว่างไทยกับพม่า อยู่ในระดับที่ดีมาก มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะกรรมการในทุกระดับ รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งสองฝ่าย ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสัมพันธ์ดำเนินไปด้วยดีในทุกระดับ ตลอดจนความก้าวหน้าความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทยกับพม่า ที่มีการตกลงร่วมกันเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ มากมายที่ผ่านมานั้นย่อมเป็นนิมิตหมายอันดีที่บ่งบอกถึงโอกาสในการแสวงหาความร่วมมือในการพัฒนาประเทศร่วมกันในอนาคต
“ผู้บังคับบัญชาระดับสูง” และตนเห็นว่า คณะกรรมการ RBC ไทย-พม่า ถือว่าเป็นกลไกความร่วมมือหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการคลี่คลายปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนให้ได้ข้อยุติระดับพื้นที่ นอกจากนั้น คณะกรรมการชุดนี้ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะที่เป็นกลไกเชื่อมต่อความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการระดับสูง หรือ SLC กับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ EBC สังเกตได้จากการบันทึกข้อตกลงในแต่ละครั้งที่ผ่านมา
มีความคืบหน้าในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการทหาร เศรษฐกิจการค้า การบรรเทาภัยพิบัติ และการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ดังนั้น ในการประชุม ครั้งที่ 31 นี้ จึงมุ่งหวังว่าประเด็นในการหารือจะมุ่งเน้นในความร่วมมือกัน และความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นหลัก อันจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แนบแน่น และความจริงใจที่มีต่อกัน” พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวในที่สุด