ตรัง - ชาว ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หันมาเลี้ยง “ไก่บ้าน” ซึ่งขายได้ทั้งเนื้อ และไข่ แถมยังมีตลาดที่ดีตลอดปี เพราะมียอดจองทุกวัน สร้างรายได้เสริมทดแทนอาชีพหลัก หลังยางพารามีราคาตกต่ำ
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายชาญกิจ แซ่เขา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่ 6 ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เป็นเกษตรกรผู้หันมาเพาะพันธุ์ไก่บ้านขายเสริม นอกเหนือจากอาชีพการทำสวนยางพารา หลังจากที่ปัญหาราคาตกต่ำ เพื่อจะได้มีรายได้เข้ามาในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง เพราะการเลี้ยงสัตว์เช่นนี้ยังมีตลาดต้องการอีกมาก และมีคู่แข่งน้อย โดยเริ่มจากการเลี้ยงไก่บ้านรุ่นแรก จำนวน 1 คู่ ไว้หลังบ้าน เมื่อปี 2557 ต่อมา เมื่อไก่เริ่มออกไข่ และฟักเป็นตัว จึงเลี้ยงไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์เรื่อยมา จนกระทั่งปัจจุบันมีไก่บ้านอยู่เกือบ 200 ตัวแล้ว
ทั้งนี้ สามารถนำออกขายเมื่ออายุครบ 5 เดือนขึ้นไป ในราคากิโลกรัมละ 160 บาท พร้อมชำแหละขายตัวละ 200-270 บาท ส่วนไข่ไก่ก็ยังขายได้ฟองละ 5 บาทอีกด้วย เพราะเป็นไก่ไข่บ้านที่ปลอดภัยจากการใช้สารเคมีเจือปน เนื่องจากเลี้ยงด้วยรำข้าว เปลืองกุ้งแห้ง ข้าวโพด และผักหญ้าต่างๆ รอบบ้าน ทำให้ไก่มีสุขภาพดี ไข่แดงแข็งแรงทนทานต่อโรค และถูกจองจนหมดวันต่อวัน หรือขายได้วันละประมาณ 15-30 ฟอง จนสร้างรายได้ให้เกือบ 4,000 บาทต่อเดือน อีกทั้งไก่บ้าน และไข่ไก่บ้าน ยังเป็นสินค้าที่สามารถขายได้ตลอดทั้งปี และมีลูกค้าสั่งจองเข้ามามากโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ
ล่าสุด ครอบครัวของ นายชาญกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และหันมาเพาะเลี้ยงไก่บ้านเพื่อเป็นอาชีพเสริมอย่างจริงจัง พร้อมพัฒนาสายพันธุ์ให้สวยงาม เนื้อแน่น และสมบูรณ์มากขึ้น ภายใต้แนวคิดปลอดภัยทั้งผู้ขายและผู้บริโภค ประกอบกับสามารถเลี้ยงได้โดยใช้เนื้อที่ไม่มาก ในสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน หรือในสวนหลังบ้าน นอกจากนั้น ยังมีต้นทุนต่ำ และสามารถเลี้ยงแบบปล่อยโดยที่ไม่ต้องดูแลมาก ทำให้มีเกษตรกรจากตำบลต่างๆ ให้ความสนใจเดินทางมาศึกษาดูงานกันเป็นจำนวนมาก