ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คุมเข้มกันอีก! 3 จังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา กระบี่ เฝ้าระวัง หลังมีกระแสข่าวการก่อความไม่สงบ ยกระดับ รปภ.เข้มสนามบิน สถานที่ราชการ แหล่งท่องเที่ยว คัดกรองคนต้องสงสัย
วันนี้ (10 มิ.ย.) พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง ผบก.ภ.จว.กระบี่ กล่าวถึงการเพิ่มความเข้มในการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ว่า จากสถานการณ์การข่าวเชื่อได้ว่า ในช่วงนี้จะมีบุคคลจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพื่อก่อเหตุความไม่สงบ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเกาะติดข่าว เฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุขึ้นตามสถานที่สำคัญ เช่น สถานที่ราชการ แหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สนามบิน ท่าเทียบเรือ สถานีบริการน้ำมัน หรือสถานที่จุดเสี่ยงเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ
โดยให้ดำเนินการมาตรการรักษาความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ให้เพิ่มความเข้มข้นในการตั้งจุดตรวจสกัด และเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนป้องกันเหตุ และเพิ่มมาตรการป้องกันการก่อเหตุในลักษณะการลอบวางระเบิดด้วยรถยนต์ หรือคาร์บอมบ์เป็นพิเศษ พร้อมกันนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวตรวจกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่มีอยู่ในพื้นที่ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน
ด้าน นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า มีรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่ากลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีจะเข้ามาก่อเหตุลอบวางระเบิดในเขตจังหวัดกระบี่ จึงขอให้ทุกหน่วยงานกำชับผู้รับผิดชอบ สืบสวนหาข่าว พร้อมทั้งดำเนินการมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด ทั้งสถานที่ราชการ แหล่งท่องเที่ยว สนามบิน และสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ประวัติซ้ำรอยการลอบวางระเบิดในย่านการค้าอ่าวนาง ต.อ่าวนาง เมื่อเดือน ส.ค.ปี 59 ที่ผ่านมา
ขณะที่ตำรวจพังงา ระดมกวาดล้างอาวุธปืน ยาเสพติด พร้อมคุมเข้มหลังมีกระแสก่อเหตุความไม่สงบ โดยวันนี้ (10 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ รวบรวมของกลางเป็นอาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด ซึ่งได้จากการระดมกวาดล้างระหว่างวันที่ 1-9 มิถุนายน 2560
แยกเป็นการจับกุมในส่วนของจังหวัดกระบี่ อาวุธปืนจำนวน 54 กระบอก อาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก กระสุนปืน 934 นัด ผู้ต้องหา 38 คน จังหวัดพังงา อาวุธปืนจำนวน 17 กระบอก อาวุธปืนสงคราม M.16 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 260 นัด ยาบ้า 15,134 เม็ด ยาไอซ์ 142 กรัม กัญชา 47 กรัม และผู้ต้องหา 20 คน
พร้อมมีหนังสือถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดพังงาทั้ง 12 สถานี ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ที่เชื่อว่าจะมีบุคคลจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ เดินทางเข้าในพื้นที่จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ เพื่อก่อเหตุความไม่สงบ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน
เน้นมาตรการเฝ้าระวัง และรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ และพื้นที่สำคัญในจังหวัด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนป้องกันเหตุลอบวางระเบิดด้วยรถยนต์เป็นพิเศษ ตรวจสอบสภาพกล้องวงจรปิดให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ระบบไฟฟ้าแสงสว่างให้พร้อม
ขณะที่จังหวัดภูเก็ต หลังจากมีกระแสข่าวดังกล่าวทำให้หน่วยงานภาครัฐได้เข้มงวดในมาตรการเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดย นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปกติจังหวัดภูเก็ตได้ให้ความสำคัญเรื่องมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วเกาะครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง และล่อแหลมทั้งหมด และได้มีการเชื่อมโยงระบบทั้งหมดมายังส่วนกลาง
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ได้มีการสั่งการให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นในจุดตรวจที่ด่านท่าฉัตรไชย ซึ่งจะเป็นจุดแรกที่มีนักท่องเที่ยว หรือประชาชนทั่วไปเข้าพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจ และบันทึกประวัติทั้งรถ คน และสิ่งของต่างๆ โดยให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดวังมากยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องข้อกังวลเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดที่บางจุดไม่สามารถใช้การได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้เน้นย้ำต่อทุกหน่วยงานให้ความสำคัญในเรื่องกล้อง CCTV เพราะจังหวัดภูเก็ตมีศูนย์ปฏิบัติการทั้งที่สถานีตำรวจ และเชื่อมต่อไปยังศูนย์ปฏิบัติการของจังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูเหตุการณ์ในแต่ละพื้นที่ได้ตลอดเวลาเพื่อเป็นการป้องกันเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ได้ทันที