พังงา - ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งที่เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ตลอดแนวชายฝั่งยาวกว่า 20 กม. หลังสร้างความเสียหายต่อรีสอร์ตที่สร้างอยู่ติดชายทะเล บ้านเรือนราษฎรอีก 12 หลังคาเรือน ถูกน้ำทะเลทะลักเข้าท่วมเดือดร้อนหนัก
วันนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าว่าราชการจังหวัดพังงา ได้ประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา ให้พื้นที่เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง หลังเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันเป็นบริเวณกว้าง ที่บ้านปากเกาะ ม.3 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลด้านทิศเหนือ ต.เกาะคอเขา ตลอดแนวชายฝั่งยาวกว่า 20 กิโลเมตร ไปจนถึงบริเวณบ้านปากเกาะ
สร้างความเสียหายต่อรีสอร์ตที่สร้างอยู่ติดชายทะเล บ้านเรือนราษฎร จำนวน 12 หลัง ถูกน้ำทะเลทะลักเข้าท่วมเดือดร้อนหนัก หลังจากเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า ได้ลงพื้นที่ ต.เกาะคอเขา เพื่อตรวจสภาพความแรงของคลื่นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีบ้านเรือน และรีสอร์ตอยู่ติดชายทะเลดังกล่าว และได้รายงานด่วนให้ทาง จ.พังงา ทราบต่อไป
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดได้ส่งรถแบ็กโฮ พร้อมพร้อมรถบรรทุกลงเรือข้ามฟากเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อทำการขุดกั้นแนวกันคลื่น และตักทรายบรรจุใส่กระสอบนำไปวางเป็นแนวกันคลื่นตามบริเวณชายหาดที่มีบ้านเรือนประชาชน เพื่อกันไม่ให้คลื่นกัดเซาะน้ำทะเลเข้าบ้านเรือนพังเสียหายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้เป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นได้เฉพาะสั้นๆ เมื่อมีน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งบิ๊กแบ็กไม่สามารถป้องกันได้จะถูกคลื่นซัดพังเสียหายหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ยังคงมีน้ำทะเลหนุนได้เกิดคลื่นสูงกว่า 3 เมตร กัดเซาะซัดเข้าพื้นที่ดังกล่าวอีก โดยชาวบ้านในพื้นที่ต้องการให้ทางรัฐบาลหันมาดูแลความเดือดร้อน และช่วยดำเนินการสร้างเขื่อนกันคลื่นที่ได้มาตรฐานแข็งแรง ป้องกันคลื่นกัดเซาะบ้านเรือนประชาชน โรงแรม รีสอร์ต เสาไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่เพียงแต่เฝ้าระวังคอยอพยพ ประชาชน หากเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายมากกว่านี้