สุราษฎร์ธานี - เจ้าท่าเกาะพะงัน แจงพบคราบน้ำมันสีดำลอยมาติดตามแนวชายหาดเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร ในพื้นที่อ่าวหินกอง ต.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นคราบน้ำมันเครื่องเก่า ยันไม่ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (27 พ.ค.) นายชนะ ดำมี ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเกาะพะงัน กล่าวว่า จากกรณีพบคราบน้ำมันที่บริเวณอ่าวหินกอง และอ่าวข้างเคียง เมื่อเช้าวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา จึงได้เข้าตรวจสอบร่วมกับเทศบาลตำบลเพชรพะงัน ปรากฏว่า เป็นคราบน้ำมันเครื่องเก่า ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเรือประมงต่างถิ่น ที่มาจอดทอดสมอลอยลำอยู่ในทะเล แล้วลักลอบปล่อยทิ้งลงไปในทะเลจนถูกคลื่นลมพัดเข้าหาฝั่ง
หลังจากกระแสน้ำขึ้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน คลื่นได้ซัดชายหาดสลายคราบน้ำมันถูกคลื่น และลมพัดกลับไปในทะเล ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเฝ้าระวังคราบน้ำมัน และอาจถูกคลื่น และลมพัดกลับมายังบริเวณชายหาดอีกครั้ง แต่ล่าสุด ยังไม่พบ ซึ่งคาดว่าอาจถูกคลื่นซัดแตกสลายไปในทะเลแล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่า คราบน้ำมันที่พบเป็นน้ำมันเครื่องไม่ใช่น้ำมันเตา จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวบนเกาะพะงันแต่อย่างใด
ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการตรวจตรา และกวดขันมิให้เรือทำการแอบลักลอบทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมันลงในทะเล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวเรือได้ทราบถึงบทลงโทษของการลักลอบทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมัน หรือเคมีภัณฑ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล และแหล่งน้ำสาธารณะ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 119 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย โดยผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษ หรือชดใช้ค่าเสียหายเหล่านั้นด้วย
ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเห็นการทิ้งน้ำปนเปื้อนน้ำมันลงในแหล่งน้ำสาธารณะ สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาในพื้นที่ดังกล่าว หรือสายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกรมเจ้าท่าจะได้ทำการขจัดคราบดังกล่าวตามหลักวิชาการ พร้อมทั้งดำเนินคดีต่อผู้ที่ฝ่าฝืนต่อไป