พังงา - คลื่นลมแรงในทะเลซัดบ้านเรือนชาวเกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 30 ครัวเรือน ตลอดแนวชายหาดกว่า 20 กิโลเมตร
วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า นายสุจิต ลิ่มพาณิชน์ กำนันตำบลเกาะคอเขา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อบต.เกาะคอเขา ได้ลงพื้นที่บ้านปากเกาะ หมู่ 3 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อสำรวจความเสียหายจากปัญหาคลื่นลมแรงสูงกว่า 2 เมตร พัดเข้าหาฝั่งทำให้น้ำทะเลไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จำนวน 12 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนหนักสุด
ส่วนถนนทางเข้าหมู่บ้าน 2 เส้น ถูกน้ำทะเลพัดท่วมจนทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ ชาวบ้านที่อาศัยริมทะเลต้องเร่งขนย้ายข้าวของเสื้อผ้า ตู้เย็น พัดลม ทีวี เอาไว้บนที่สูง และต้องนอนอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน ส่วนชาวบ้านบางส่วนได้อพยพออกไปพักอาศัยอยู่กับญาติในที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว จากการลงพื้นที่สำรวจของเจ้าหน้าที่พบว่า มีโรงแรม รีสอร์ต บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ตลอดแนวชายหาดกว่า 20 กิโลเมตร
นายวิโรจน์ สุวรรณวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทางจังหวัด และทางอำเภอได้ลงพื้นที่สำรวจเพื่อหาแนวทางป้องกันมาแล้ว แต่ในครั้งนี้พบว่า คลื่นลมแรงได้สร้างความเสียหายกัดเซาะแนวชายหาด และขณะนี้ทางจังหวัดพังงา ได้เร่งนำเครื่องจักรกลหนัก รถแบ็กโฮลงพื้นที่ทำแนวกันคลื่นจากถุงบิ๊กแบ็ก เพื่อเป็นการชะลอความแรงของคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งบรรเทาความเดือดร้อน และป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะแนวชายหาด
โดยขณะนี้ได้ลงสำรวจพบว่า น่าเป็นห่วงเรื่องของบ้านเรือนประชาชน ถนนทางเข้าหมู่บ้าน และเสาไฟฟ้า 10 ต้น หากเกิดคลื่นพัดแรงอาจจะทำให้เสาไฟฟ้าล้มลงมาได้ และถ้าหากคลื่นซัดเข้ามาถึงถนนจะทำให้การสัญจรเดินทางลำบาก เบื้องต้น พบว่ามีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 30 ครัวเรือน
ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาว ทางทางจังหวัดจะทำการเสนอของบประมาณช่วยเหลือจากทางรัฐบาล คาดว่าน่าจะได้รับการอนุมัติเร็วๆ นี้ คงจะดำเนินการสร้างแนวกันคลื่นออกห่างจากฝั่งไปประมาณ 200 เมตร เพราะขณะนี้น้ำทะเลได้กัดเซาะเสียหายไปกว่า 300 ไร่ รวมระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร เบื้องต้น ทางอำเภอตะกั่วป่า ได้เสนอไปยังจังหวัดเพื่อพิจารณาประกาศให้พื้นที่บ้านปากเกาะ หมู่ 3 เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติต่อไป
