นราธิวาส - ผบ.เรือนจำนราธิวาส เปิดคุกรับรอมฎอน นำสื่อดูความเป็นอยู่ของนักโทษตามโครงการเรือนจำสีขาว เผยปัจจุบันเนื้อที่ภายในค่อนข้างแออัด
วันนี้ (25 พ.ค.) ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส นายวิมล มิตรปล้อง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ได้นำสื่อมวลชนเข้าดูสภาพสถานที่ อาคาร เช่น เรือนนอน จุดทำครัวฮาลาล และตรวจให้ดูสภาพความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิตของนักโทษในแดนเรือนจำชายและหญิง เรือนจำจังหวัดนราธิวาส
โดยในจุดแรกได้นำไปยังลานอเกนประสงค์ ซึ่งเป็นจุดรวมพลของนักโทษชาย ซึ่งเป็นสถานที่ ออกกำลังกาย สถานที่จัดระเบียบ และเป็นสถานที่รวมรับประทานข้าวของนักโทษรวมกัน และเป็นสถานที่จัดระเบียบวินัยนักโทษ จากนั้นได้นำดูการทำอาหารซึ่งเป็นโรงครัวฮาลาล โดยใช้นักโทษมาเป็นพ่อครัวทำอาหาร ตามรายการอาหารของทุกวัน เน้นในเรื่องความสะอาดอนามัย มีประโยชน์ต่อสุขภาพของนักโทษทุกคน ซึ่งกับข้าวเป็นอาหารฮาลาลถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งอาคารใกล้กันจะเป็นที่เรือนพัก และปฏิบัติศาสนากิจเพื่อทำพิธีละหมาด 5 เวลาของนักโทษที่เป็นชาวไทยมุสลิม
นอกจากนั้น ในเรือนนอนของนักโทษชาย 2 ชั้น อยู่บริเวณด้านหน้าลานอเกนประสงค์ ได้แยกนักโทษตามคดีสำคัญ โดยเฉพาะนักโทษที่เกี่ยวข้องต่อคดีความมั่นคง เช่น คดีวางระเบิด คดียิงที่เกี่ยวข้องต่อความไม่สงบ จะแยกห้องนอนเป็นการเฉพาะส่วน ส่วนนักโทษคดียาเสพติด และคดีทั่วไปจะใช้ห้องนอนรวมกัน ห้องนอนชั้นล่างจุได้ 120-180 คนต่อห้อง ส่วนห้องชั้นบนรองรับได้ 60-80 คนต่อห้อง ซึ่งจากสภาพที่พักค่อนข้างแออัดสำหรับนักโทษ
ส่วนแดนนักโทษหญิงได้อนุญาตให้สื่อพบนักโทษหญิง และสอบถามบันทึกความเป็นอยู่ ซึ่งพบว่านักโทษหญิงมีน้อยกว่านักโทษชาย ส่วนใหญ่เป็นคดีทั่วไป ส่วนหนึ่งมีหน้าที่ทำอาหาร และทำกับข้าวขายในเรือนจำของแต่ละวัน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ต่อวันเฉลี่ย 35,000-37,000 บาทต่อวัน รายได้ที่ได้มาทางเรือนจำจะนำมาจุนเจือในเรื่องของเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่นักโทษอีกทางหนึ่ง
ด้าน นายวิมล มิตรปล้อง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า การนำสื่อมวลชนมาดูสภาพเรือนจำนราธิวาสนั้น เป็นไปตามนโยบายกระทรวงยุติธรรม ในโครงการเรือนจำสีขาว และเป็นโอกาสเดียวกัน เพื่อต้อนรับเดือนรอมฎอนของชาวไทยมุสลิม ก่อนหน้าได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตรวจค้นทุกซอกทุกมุมในเรือนจำทุกแดน เพื่อไม่ให้สิ่งผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด คือ ยาเพสติด และโทรศัพท์มือถือ
ซึ่งจาการตรวจค้นหลายครั้งได้ยึดอุปกรณ์หลายชนิดในตัวนักโทษในเรือนจำเป็นของต้องห้าม โดยเฉพาะมีโทรศัพท์มือถือในเรือนจำติดต่อกับบุคคลภายนอก ล่าสุด กำจัดหมดสิ้นในราวปลายเดือนมกราคม ปี 60 ซึ่งทาง คสช.ได้เพิ่มบทบัญญัติในกฎหมาย นักโทษมีโทรศัพท์ไว้ในเรือนจำ ปรับ 1 แสนบาท และจำคุกเพิ่มอีก 1 ปีเป็นเด็ดขาด
สำหรับเรือนจำจังหวัดนราธิวาส นายวิมล มิตรปล้อง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า มีเนื้อที่ 4 ไร่เศษ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส มีนักโทษรวมทั้งหมด 1,600 คน เป็นยาเสพติดและคดีทั่วไป 85 เปอร์เซ็นต์ และมีนักโทษก่อเหตุความรุนแรง หรือคดีความมั่นคงทั้งหมด 68 คน ในแต่ละสัปดาห์นักโทษจะได้รับการดูแล และให้ความรู้ในทางศาสนา และในเรือนจำจะมีกองช่างสอนวิชาชีพ ช่างถักอวน ช่างปูน ช่างไม้ ช่างเชื่อม เพื่อเสริมอาชีพให้แก่นักโทษ โดยเฉพาะจุดกองช่าง ต้องเคร่งครัดเป็นกรณีพิเศษ เพราะวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในกองช่างต้องห้ามเล็ดลอดออกจากจุดกองช่าง เพราะอาจนำมาดัดแปลงเป็นอาวุธได้
ในส่วนผู้ต้องหาคดีความมั่นคงจะอยู่ในความดูและอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่พบปัญหาเรื่องนำความเดือดร้อนมาสู่เรือนจำแต่อย่างใด นักโทษคดีความมั่นคง รักษาระเบียบวินัย และกฎได้ดี
“อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าพื้นที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ปัจจุบันค่อนข้างแออัด ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้สร้างเรือนจำจังหวัดนราธิวาสอีกแห่งให้แล้วในพื้นที่ประมาณ 25 ไร่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ที่แห่งใหม่เพื่อรองรับขยายในหลายด้าน โดยเฉพาะนักโทษ และการเปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชนในครั้งนี้เพื่อสื่อถึงว่าเรือนจำจังหวัดนราธิวาสได้เดินตามนโยบายเรือนจำสีขาว ลดความตึงเครียด นักโทษร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี นักโทษก็มีจิตแจ่มใส” ผบ.เรือนจำจังหวัดนราธิวาส กล่าว