ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กัปตันเรือสินค้าเปิดใจนาทีระทึก ก่อนเรืออับปางกลางทะเลอันดามัน เหตุคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าเรือ จนต้องตัดสินใจสละเรือลงแพชูชีพ หวังไปตายดาบหน้า แต่โชคดีมีเรือประมงเข้ามาช่วยเหลือลูกเรือปลอดภัยทั้งหมด ขณะที่สินค้าส่วนใหญ่ลอยไปกับกระแสน้ำในทะเล โดยยังไม่มีแผนเก็บกู้ เหตุคลื่นลมยังมีกำลังแรง
จากกรณีเกิดเหตุเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติพม่า ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดจนจมบริเวณทิศใต้ของเกาะราชาน้อย อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขณะเกิดเหตุมีกัปตัน และลูกเรือรวม 14 คน อยู่บันเรือ และตัดสินใจสละเรือทิ้งก่อนที่ทั้งหมดจะลงแพช่วยชีวิตเพื่อล่องเข้าหาฝั่ง แต่โชคดีขณะนี้เรือประมง อ.อรุณสมุทร 5 เห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือจึงได้นำเรือซึ่งกำลังหาปลาอยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าไปช่วยเหลือลูกเรือทั้งหมด และนำส่งกลับเข้าฝั่งที่บริเวณท่าเทียบเรือแสงอรุณ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ (25 พ.ค.) โดยมี พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ พฤกษธาราธิกูล สว.ปราบปรามทางน้ำ กก.8 บก.รน. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณแพดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (25 พ.ค.) ที่แพปลาแสงอรุณ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออก (PIPO) ภูเก็ต เช่น เจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ตำรวจน้ำ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต พร้อมล่าม ได้เข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกเรือ และกัปตันเรือ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการช่วยเหลือ และจัดหาที่พักระหว่างรอการติดต่อ และมารับตัวลูกเรือของทางบริษัทเจ้าของเรือดังกล่าว
โดย นายซอซอรัน กัปตันเรือ AUNG SEIN MYAT เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะที่แล่นเรือออกจากปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีคลื่นลมแรงคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร พัดและกระแทกกับท้องเรือซึ่งเป็นไม้อย่างจังจนเกิดเป็นรูรั่ว และน้ำก็ค่อยๆ ทะลักเข้ามาในเรือ เบื้องต้น พยายามที่จะสูบน้ำออกแต่ไม่สามารถทำได้
จึงได้ให้ลูกเรือทั้งหมดเตรียมพร้อมเพื่อสละเรือ ขณะเดียวกัน ก็ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรือที่อยู่ใกล้เคียง และเตรียมลงแพช่วยชีวิตเพื่อให้ลมพัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งนาทีนั้นคิดว่าคงต้องไปตายเอาดาบหน้าถ้าไม่มีใครเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ส่งไป
แต่ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างมากที่มีเรือประมง อ.อรุณสมุทร เข้ามาช่วยเหลือทุกคนได้อย่างปลอดภัย ส่วนสินค้าที่บรรทุกมาส่วนใหญ่จะลอย และจมอยู่ในทะเล โดยลูกเรือได้ช่วยกันขนสินค้าน้ำมันปาล์ม และขนมปังมาบางส่วน และขึ้นเรือลำที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ส่วนที่เหลือคงต้องปล่อยให้ลอยไปกับกระแสน้ำ และจมอยู่ในทะเล เพราะไม่สามารถที่จะนำกลับเข้ามาได้ ประกอบกับขณะนี้คลื่นลมยังคงมีกำลังแรง ขณะนี้รอการประสานจากทางบริษัทฯ ที่จะมารับตัวกลับ โดยลูกเรือทุกคนมีเอกสารทุกอย่างถูกต้อง
ด้าน นายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 กล่าวถึงการเก็บกู้สินค้า ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถลงพื้นที่ตรวจสอบได้ เนื่องจากคลื่นลมในทะเลแรงและสูง และต้องดูว่าสินค้าดังกล่าวเมื่อจมลงในทะเลกระทบต่อทรัพยากรหรือไม่ หากกระทบก็จะดำเนินการเก็บกู้ทันที แต่ถ้าหากไม่กระทบก็จะปล่อยไปตามธรรมชาติ
แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นสินค้าดังกล่าวเป็นขนมปัง และถังน้ำมันพืช และมีสินค้าบางส่วนที่ทางลูกเรือช่วยกันเก็บขึ้นมาได้ และมีบางส่วนก็ถูกคลื่นซัดออกไปในทะเลนอก ส่วนการกู้เรือนั้นจะประสานกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบ และก็จะประสานบริษัทเรือซึ่งอยู่ในต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการกู้เรือหลังจากนี้ต่อไป
ส่วนลูกเรือทั้ง 14 คน ขณะนี้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงจังหวัดภูเก็ต ได้รับลูกเรือทั้งหมดไปดูแลในเบื้องต้น เนื่องจากต้องรอบริษัทมารับกลับไปประเทศพม่า
จากกรณีเกิดเหตุเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติพม่า ถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดจนจมบริเวณทิศใต้ของเกาะราชาน้อย อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขณะเกิดเหตุมีกัปตัน และลูกเรือรวม 14 คน อยู่บันเรือ และตัดสินใจสละเรือทิ้งก่อนที่ทั้งหมดจะลงแพช่วยชีวิตเพื่อล่องเข้าหาฝั่ง แต่โชคดีขณะนี้เรือประมง อ.อรุณสมุทร 5 เห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือจึงได้นำเรือซึ่งกำลังหาปลาอยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าไปช่วยเหลือลูกเรือทั้งหมด และนำส่งกลับเข้าฝั่งที่บริเวณท่าเทียบเรือแสงอรุณ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ (25 พ.ค.) โดยมี พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ พฤกษธาราธิกูล สว.ปราบปรามทางน้ำ กก.8 บก.รน. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณแพดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (25 พ.ค.) ที่แพปลาแสงอรุณ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออก (PIPO) ภูเก็ต เช่น เจ้าหน้าที่ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ตำรวจน้ำ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต พร้อมล่าม ได้เข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกเรือ และกัปตันเรือ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการช่วยเหลือ และจัดหาที่พักระหว่างรอการติดต่อ และมารับตัวลูกเรือของทางบริษัทเจ้าของเรือดังกล่าว
โดย นายซอซอรัน กัปตันเรือ AUNG SEIN MYAT เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะที่แล่นเรือออกจากปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีคลื่นลมแรงคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร พัดและกระแทกกับท้องเรือซึ่งเป็นไม้อย่างจังจนเกิดเป็นรูรั่ว และน้ำก็ค่อยๆ ทะลักเข้ามาในเรือ เบื้องต้น พยายามที่จะสูบน้ำออกแต่ไม่สามารถทำได้
จึงได้ให้ลูกเรือทั้งหมดเตรียมพร้อมเพื่อสละเรือ ขณะเดียวกัน ก็ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรือที่อยู่ใกล้เคียง และเตรียมลงแพช่วยชีวิตเพื่อให้ลมพัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งนาทีนั้นคิดว่าคงต้องไปตายเอาดาบหน้าถ้าไม่มีใครเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ส่งไป
แต่ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างมากที่มีเรือประมง อ.อรุณสมุทร เข้ามาช่วยเหลือทุกคนได้อย่างปลอดภัย ส่วนสินค้าที่บรรทุกมาส่วนใหญ่จะลอย และจมอยู่ในทะเล โดยลูกเรือได้ช่วยกันขนสินค้าน้ำมันปาล์ม และขนมปังมาบางส่วน และขึ้นเรือลำที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ส่วนที่เหลือคงต้องปล่อยให้ลอยไปกับกระแสน้ำ และจมอยู่ในทะเล เพราะไม่สามารถที่จะนำกลับเข้ามาได้ ประกอบกับขณะนี้คลื่นลมยังคงมีกำลังแรง ขณะนี้รอการประสานจากทางบริษัทฯ ที่จะมารับตัวกลับ โดยลูกเรือทุกคนมีเอกสารทุกอย่างถูกต้อง
ด้าน นายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 กล่าวถึงการเก็บกู้สินค้า ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถลงพื้นที่ตรวจสอบได้ เนื่องจากคลื่นลมในทะเลแรงและสูง และต้องดูว่าสินค้าดังกล่าวเมื่อจมลงในทะเลกระทบต่อทรัพยากรหรือไม่ หากกระทบก็จะดำเนินการเก็บกู้ทันที แต่ถ้าหากไม่กระทบก็จะปล่อยไปตามธรรมชาติ
แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นสินค้าดังกล่าวเป็นขนมปัง และถังน้ำมันพืช และมีสินค้าบางส่วนที่ทางลูกเรือช่วยกันเก็บขึ้นมาได้ และมีบางส่วนก็ถูกคลื่นซัดออกไปในทะเลนอก ส่วนการกู้เรือนั้นจะประสานกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบ และก็จะประสานบริษัทเรือซึ่งอยู่ในต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการกู้เรือหลังจากนี้ต่อไป
ส่วนลูกเรือทั้ง 14 คน ขณะนี้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงจังหวัดภูเก็ต ได้รับลูกเรือทั้งหมดไปดูแลในเบื้องต้น เนื่องจากต้องรอบริษัทมารับกลับไปประเทศพม่า