ยะลา - แม่ทัพภาคที่ 4 ควง ผบช.ศชต. เยือนประเทศมาเลเซีย เพื่อถกปัญหาชายแดนใต้ พร้อมเข้าเฝ้าผู้สำเร็จราชการสุลต่านรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย หาทางออกกรณีผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้ศาสนสถานสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ จชต.ของไทย
วันนี้ (22 พ.ค.) พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะ ได้เดินทางไปยังกองบังคับกองพลน้อยทหารราบที่ 8 ประเทศมาเลเซีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และร่วมหารือแนวทางการแก้ปัญหาชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยมี พล.ต.ดาโต๊ะ โมฮำมัด รามลี บิน จาอาฟาร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 มาเลเซีย และคณะให้การต้อนรับ โดยเมื่อเดินทางไปถึง แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ตรวจแถวรับความเคารพจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติงานในกองพลน้อยทหารราบที่ 8 มาเลเซีย จากนั้นได้ร่วมพูดคุยกับ พล.ต.ดาโต๊ะ โมฮำมัด รามลี บิน จาอาฟาร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 มาเลเซีย และคณะเจ้าหน้าที่ เพื่อหาทางออกร่วมกันในการแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากนั้น พล.ต.ดาโต๊ะ โมฮำมัด รามลี บิน จาอาฟาร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 มาเลเซีย ได้นำคณะ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางไปยังวังสุลต่าลรัฐกลันตัน เพื่อเข้าเฝ้ายัง มาหา เมอลียา ดร.ตุงกู โมฮามัด ฟาอีส ปุตรา อิบนี สุลต่าน อิสมาแอล ปุตรา ผู้สำเร็จราชการสุลต่านกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
ภายหลังจากการเข้าเฝ้า ผู้สำเร็จราชการสุลต่านรัฐกลันตัน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวว่า การเดินทางมารัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ เพื่อร่วมพูดคุยและหาทางออกถึงประเด็นปัญหาการก่อเหตุความไม่สงบ โดยเฉพาะกรณีที่ได้มีผู้เห็นต่างใช้มัสยิดในการก่อเหตุรุนแรง วางแผน รวมถึงซ่องสุมอาวุธ ในส่วนนี้ สุลต่าลได้ให้คำปรึกษามาว่า ควรใช้การเข้าถึงประชาชน พูดคุยกันให้เข้าใจ ตามยุทธศาสตร์เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา รวมถึงดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดความกินดีอยู่ดี นอกจากนี้ สุลต่าลยังมีความยินดีในเรื่องการลาดตระเวนตามลำน้ำร่วมกัน และหากมีปัญหาอะไรก็สามารถพูดคุยกับคณะกรรมการได้เลยทันที ด้านปัญหายาเสพติด สุลต่าลยอมรับว่ามีปัญหาเช่นเดียวกัน และจะช่วยกันในการแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ในส่วนการกระทำความผิดของคนไทยที่หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียนั้น ทางมาเลเซียยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือทุกด้าน และการพูดคุยกันในวันนี้ จะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบมากยิ่งขึ้น เพราะรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย มีชายแดนติดกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ประเทศไทย และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศ ทั้งฝ่ายทหาร และตำรวจมาโดยตลอด สำหรับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เกี่ยวกับคดีสำคัญนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 จะได้นำถ้อยคำจากผู้สำเร็จราชการสุลต่านกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ที่ได้พูดคุยกันในครั้งนี้ไปถ่ายทอดในผู้นำศาสนาในพื้นที่ฟังว่า ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยมาโดยตลอด และหากมีปัญหาอะไรก็ให้มาคุยมาเจรจากัน
ทางด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การเดินทางมาเยือนมาเลเซียในครั้งนี้นับเป็นการหาความร่วมมือในทุกมิติ ในการดำเนินการทางอาชญากรรมของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะมีการพูดคุยลงละเอียดในหัวข้อย่อยในครั้งต่อไป ซึ่งถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน
จากนั้นคณะของ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปยังสถานกงสุลไทยประจำรัฐกลันตัน เพื่อร่วมหารือปัญหาคนไร้สัญชาติ โดยมี ดร.ไพฑูรย์ สงค์แก้ว กงสุลใหญ่ประจำรัฐกลันตัน ให้การต้อนรับ และได้ร่วมพูดคุยถึงประเด็นการให้ความช่วยเหลือคนไร้สัญชาติที่ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของคนไทยที่กำเนิดในประเทศมาเลเซีย และขณะนี้ยังไม่ได้รับสัญชาตินั้น ซึ่งพบว่า มีประมาณ 400 คน ซึ่งชาวบ้านทุกคนก็พร้อมที่จะตรวจ DNA เพื่อที่จะทำการตรวจสอบสัญชาติ ขณะนี้ได้มีการประสานงานกับทางกรมศุลกากรเรียบร้อยแล้ว
โดยเรื่องดังกล่าวนับเป็นความห่วงใยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีความห่วงใยคนไทยพลัดถิ่นไร้สัญชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินการแก้ปัญหาโดยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมศุลกากร เพื่อให้การช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ต่อไป โดยในเดือนกรกฎาคมนี้ จะบูรณาการกับหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งทหาร ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมือง นิติวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจ DNA ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สไหงโก-ลก จ.นราธิวาส