xs
xsm
sm
md
lg

กศน.คลองขุดผุดไอเดียติววิชา “ขับขี่ปลอดภัย” สร้างความตระหนักลดอุบัติเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
สตูล - “กศน.คลองขุด” ผุดไอเดียติววิชา “ขับขี่ปลอดภัย” สร้างความตระหนักลดอุบัติเหตุ และความสูญเสียแก่นักเรียน ในภายหน้าจะขยายผลการดำเนินงานไปยังศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนให้ครบ 24 แห่งทั้งอำเภอเมือง

วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ประเทศไทยยังคงมีอัตราการตาย และบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่ในอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศนามิเบีย แม้จะมีมาตรการทางกฎหมายออกมาบังคับใช้มากขึ้น แต่การละเมิดกฎจราจรก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ

การบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจราจร นับเป็นความสูญเสียที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งผู้บาดเจ็บ ผู้พิการ และความโศกเศร้าของครอบครัวของผู้สูญเสีย หากคิดมูลค่าในทางเศรษฐกิจแล้วแต่ละปีมีความสูญเสียที่เกิดขึ้นมหาศาล การสร้างวินัยปฏิบัติตามกฎจราจรจึงเป็นหนทางเบื้องต้นในการลดอัตราอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

เพราะเห็นลูกศิษย์ต้องเจ็บป่วย ขาดลาจากการเรียนโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยอุบัติเหตุ ที่ร้ายแรงก็ถึงแก่ชีวิตจากเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะจากรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะสำหรับเดินทางไปหรือกลับจากเรียน ทำให้ น.ส.สิรภัทร สัจจาพันธ์ หัวหน้าศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล (กศน.คลองขุด) วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และหาทางลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นแก่ลูกศิษย์ ขณะเดียวกัน ก็ได้ดำเนินโครงการ “ศึกษาผลกระทบการไม่เคารพกฎจราจรด้านความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของนักศึกษา กศน.คลองขุด” ควบคู่ไปด้วย โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
 

 
อาจารย์สิรภัทร เล่าถึงที่มาว่า การมาเรียนของนักศึกษาร้อยละ 99 จะมามอเตอร์ไซค์ ในวันเรียนก็จะมีนักศึกษา หรือผู้ปกครองโทร.มาลาไม่สามารถมาได้ รถล้ม อีกวันก็อาจมีผู้ปกครองโทร.บอกว่าเกิดเกิดอุบัติเหตุ คือจะได้ยินอยู่บ่อยครั้ง แล้ววัยรุ่นไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก ก็เลยทดลองทำโครงการกับนักศึกษาของเราก่อน เบื้องต้น มีกลุ่มเป้าหมาย 150 คน เฉพาะ กศน.คลองขุด แต่ก็มีตำบลใกล้เคียงเข้ามาร่วมด้วยเวลาเรามีกิจกรรม มีอบรม

จากนั้นก็วางแผนสร้างแกนนำจากนักศึกษาที่อาสา และรับสมัครด้วย ให้ลงพื้นที่สำรวจ สังเกตพฤติกรรมการขับขี่ในจุดเสี่ยงที่มีการจราจรคับคั่ง ทั้งหน้าโรงเรียน หน้าห้างสรรพสินค้า แยกที่มีไฟสัญญาณจราจร จากผลการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ผู้ขับขี่ผิดกฎจราจร เช่น ขับขี่สวนทาง ไม่สวมหมวกกันน็อก ขับปาดหน้า ในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้ถนนมากทั้งช่วงเช้า ช่วงบ่าย และช่วงค่ำ

เมื่อได้ข้อมูลก็นำมาวิเคราะห์ดำเนินการตามแผน จัดกิจกรรมฝึกอบรมด้านวินัยจราจรให้แก่กลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งบุคลากรของ กศน.คลองขุด โดยได้ร่วมกับหน่ายงานต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่จราจร สภ.เมืองสตูล เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัด หน่วยงานด้านประกันอุบัติเหตุ หน่วยกู้ชีพมาให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนั้น ยังจัดกิจกรรมรณรงค์เรื่องความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนในตำบลคลองขุด และพื้นที่ใกล้เคียง

หลังจากดำเนินโครงการพบว่า จากเดิมที่นักศึกษา กศน.คลองขุด ต้องประสบอุบัติเหตุจากการขับขี่พาหนะบนท้องถนนเดือนละ 7-10 ราย การเกิดอุบัติเหตุแทบไม่มีเลยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักศึกษาก็ยังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ไปในทางที่ดี สวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง ไม่ขับขี่ย้อนเส้นทาง ปฏิบัติตามกฎจราจร โดยนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะคอยตักเตือนกันเอง และยังมีรางวัลเป็นเครื่องจูงใจอีกด้วย
 

 
“ตั้งแต่จัดกิจกรรมมาการเกิดอุบัติเหตุแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย จากเมื่อก่อนนี้เดือนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุต่อนักศึกษาของเราเยอะมาก เดี๋ยวก็มีโทร.มาลาอยู่ตลอด ตอนนี้ดีขึ้น นักศึกษาคนไหนที่ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะไม่ได้คะแนนด้วย เราบอกไปถึงผู้ปกครองเลย ถ้าเขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะได้คะแนน เราให้เด็กไปหาข้อมูลบ้านผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุด้วยเพื่อให้เด็กๆ ตระหนักถึงอันตรายจริงๆ เด็กจะให้ข้อมูลว่าทั้งเสียเวลา เสียเงิน และจิตใจเสีย บางคนต้องสูญเสียลูก สมาชิกครอบครัวต้องพิการ จากพฤติกรรมการขับขี่คึกคะนองทำให้คนอื่นสูญเสีย เด็กๆ ของเราคนขับรถอย่างน้อยต้องมีหมวกกันน็อก และไม่ให้ซ้อน 3 เด็ดขาด แต่ข้างนอกเราคุมไม่ได้” อาจารย์สิรภัทร กล่าวย้ำ และยืนยันว่า ในภายหน้าจะขยายผลการดำเนินงานไปยังศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนให้ครบ 24 แห่งทั้งอำเภอเมือง เพราะทุกคนต้องใช้ถนนร่วมกัน

ขณะที่ นายวีรพล พยายาม นักเรียนชั้นมัธยมปลาย กศน.หนึ่งในแกนนำขับขี่ปลอดภัย กล่าวว่า ขับขี่จักรยานยนต์มาเรียนจากบ้าน 5 กิโลเมตร ยอมรับว่าเคยเกิดอุบัติเหตุจากการถูกจักรยานยนต์คันอื่นขับสวนทางมาชนจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และรถได้รับความเสียหาย และขณะนั้นไม่ได้สวมหมวกกันน็อกเพราะรีบร้อนออกจากบ้าน แต่เมื่อได้มาเป็นแกนนำทำให้ตระหนักถึงความปลอดภัย คอยตักเตือนเพื่อนให้ปฏิบัติตามกฎจราจร ขับขี่อย่างปลอดภัย หากเกิดอุบัติเหตุผู้สูญเสียได้รับผลกระทบก็คือตัวเอง พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเสียเงิน หรือหากไม่เสียชีวิตแต่เจ็บป่วยพิการ ก็จะทำให้เสียโอกาสในการเรียน การทำงาน หรือทำกิจกรรมเหมือนคนปกติทั่วไป

“พอมาเข้าโครงการได้เป็นแกนนำด้วยเราก็จะตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยเสมอ ระมัดระวังเมื่อต้องขับขี่ทุกครั้ง ก็ได้ไปรณรงค์ให้ขับขี่ปลอดภัยตามหมู่บ้าน แจกใบปลิวเรื่องวินัยจราจร การสวมหมวกกันน็อก การไม่ขับขี่ย้อนศร เพราะที่นี่มีการขับขี่ย้อนศรมาก วัยรุ่นก็ไม่ค่อยใส่หมวก แต่ก่อนนักศึกษา กศน.ที่นี่เองก็ไม่ใส่หมวกเช่นกัน นักศึกษาเองอยากขับรถอย่างไรก็ขับก็ไม่สนใจเท่าไร เดี๋ยวนี้มีการบังคับให้ใช้เส้นทางเดียวในการออก เด็กก็ทำมากขึ้นมีส่วนน้อยที่ไม่ปฏิบัติตาม ก็ต้องแนะนำเพื่อนมากขึ้นว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุคนที่เดือดร้อนก็คือพ่อแม่ผู้ปกครอง” แกนนำขับขี่ปลอดภัยเล่าถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรม

จากการดำเนินงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุในหมู่นักศึกษาลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ใช้รถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจร มูลค่าความเสียหายแทบไม่เกิดขึ้น จากความสำเร็จในจุดเริ่มต้นเล็กๆ หากได้รับการขยายผลไปสู่วงกว้างมากขึ้น ย่อมเป็นผลดีอาจช่วยให้ประเทศไทยไม่ต้องติดอันดับโลกของการเกิดอุบัติเหตุอีกต่อไป
 
กำลังโหลดความคิดเห็น