ปัตตานี - 2 ผู้ต้องหาคดีระเบิดเสาไฟฟ้า อ.ยะรัง ปัตตานี เปิดใจยอมหันมาให้ความร่วมมือต่อทางการ เพราะขบวนการไม่ทำตามอุดมการณ์ และไม่ได้ให้อะไรตามที่อ้าง และเป็นห่วงครอบครัว ซ้ำรับไม่ได้เหตุคาร์บอมบ์บิ๊กซีปัตตานี ที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการไม่สนใจความปลอดภัยประชาชน
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่มณฑลทหารบกที่ 46 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. นายวีรนันทร์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติด พร้อมยึดของกลางจำนวนมาก และคดีลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าในพื้นที่ อ.ยะรัง เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมนำผู้ต้องหามาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
คดียาเสพติดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายนิแว มะระนะ อายุ 32 ปี และ นายรุสลัม แวกาจิ อายุ 41 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 402,000 เม็ด และรถยนต์กระบะยี่ห้อเชพโรเลต ทะเบียนป้ายแดง เหตุเกิดบนถนนสาย 43 ปัตตานี-หาดใหญ่ ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ส่วนคดีลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย และให้การรับสารภาพจนนำไปสู่การตรวจยึดของกลางจำนวนมาก เช่น อาวุธปืน กระสุนปืน อุปกรณ์ และชิ้นส่วนระเบิด
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. กล่าวว่า คดีลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า จำนวน 6 จุด และขว้างระเบิดใส่จุดตรวจใน อ.ยะรัง จ.ปัตตานีสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน ซึ่งเชื่อมโยงต่อเหตุทั้ง 2 เหตุ และให้การรับสารภาพจนนำไปสู่การยึดของกลางจำนวนมาก พร้อมกับซัดทอดผู้ร่วมก่อเหตุอีก 6 คน ซึ่งในการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ให้ความร่วมมือ และให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จนเจ้าหน้าที่สามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงที่ก่อเหตุใน อ.ยะรังได้ 22 คน ในส่วนของคดียาเสพติด ถือเป็นภัยแทรกซ้อนด้วย ซึ่งเราจะใช้กฎหมายจัดการอย่างเด็ดขาด ยอมรับว่ายาเสพติดจำนวนมากที่ลักลอบขนมาจากภาคอีสานเพื่อระบายลงมาภาคใต้ตอนล่าง และจากการสอบผู้ต้องหาจึงรู้ว่าขบวนการยาเสพติดที่จับกุมครั้งนี้พยายามใช้ช่วงเหตุการณ์ระเบิดห้างบิ๊กซีขนลงมา แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมได้
ต่อมา พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เชิญตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ในคดีระเบิดเสาไฟฟ้ามาเปิดเผยความรู้สึกหลังกลับใจให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ โดยคนแรกซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีขว้างระเบิด และถูกจับกุม เปิดเผยว่า สาเหตุที่เข้าร่วมขบวนการเนื่องจากถูกชักจูงของขบวนการ เมื่อปี 2555 เคยผ่านการฝึก 15 วัน และเคยก่อเหตุ 6 ครั้ง ส่วนเหตุขว้างระเบิดตนมีหน้าที่ประสานกับคนที่นำระเบิดมาส่ง จากนั้นจึงนำระเบิดไปส่งให้แก่คนก่อเหตุ ส่วนใครก่อเหตุไม่รู้จักเพราะจะเปลี่ยนคนตลอด โดยมีคนสั่งการอยู่ในพื้นที่
“ก่อนถูกจับกุมคิดหลายครั้งว่าจะออกมารายงานตัว แต่ถูกขบวนการข่มขู่ สาเหตุที่ออกเพราะขบวนการไม่ทำตามอุดมการณ์ และไม่ได้ให้ในสิ่งที่ต้องการ อีกอย่างเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซีผู้บาดเจ็บมีญาติรวมอยู่ด้วย ทำให้คิดได้ การออกมาให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่เพราะเป็นห่วงครอบครัว และอยากให้เจ้าหน้าที่ดูแลครอบครัว และมีอีกหลายคนที่จะออกมารายงานตัว ที่ผ่านมาครอบครัวไม่รู้ว่าผมอยู่ในขบวนการ” ผู้ต้องหาคนที่หนึ่ง กล่าว
ขณะที่ผู้ต้องหาคนที่สอง ยอมรับว่า อยู่ในขบวนการณ์ BRN ในระดับสั่งการ และรับผิดชอบใน 4 ตำบล ของ อ.ยะรัง มีสมาชิกในกลุ่มกว่า 20 คน หลังจากตนถูกจับก็จะมีคนอื่นขึ้นมารับตำแหน่งแทน ยอมรับว่าขบวนการไม่มีอุดมการณ์ตามที่คิดไว้ เพราะไม่เล็งเห็นถึงความปลอดภัยของประชาชน เหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซีเป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ ที่ผ่านมา ขบวนการไม่ได้ให้อะไรเลย ทุกครั้งที่ก่อเหตุใช้เงินส่วนตัว ขบวนการไม่เคยให้ทุน สิ่งที่ทำคิดเสมอว่าประชาชนเดือดร้อน แต่ที่ทำเพราะมีคนสั่งไม่ทำ ตนและครอบครัวจะเดือดร้อน จากนี้ไปขอให้ดูแลครอบครัวตนให้ปลอดภัยด้วย
จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางไปดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จนท.ได้นำตัว นายสูฮัยมี หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หนองจิก โดยจุดนี้เป็นสถานที่ร่วมวางแผนในการปล้นและฆ่า นายนุสน ขจรคำ จากนั้นไปที่มัสยิดบ้านใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่สองในการลวง นายนุสน ก่อนจะฆ่า และนำรถไปประกอบระเบิด ก่อนจะก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซี จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังจุดทิ้งศพ นายนุสน ซึ่งจุดที่สอง และสาม นายสูฮัยมี ไม่มีส่วนในการก่อเหตุ