สุราษฎร์ธานี - ตำรวจนำผู้ต้องหามือยิงถล่มหัวหน้าอุทยานแห่งชาติคลองพนม ฝากขังต่อศาลจังหวัดเวียงสระแล้ว ในขณะที่ญาติเตรียมหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่ศาลไม่ให้ ตำรวจ และผู้เสียหายเข้าร้องคัดค้าน
จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามเอชเค และลูกซองยาวยิงถล่มรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ ชนิดแค็บ สีดำ ทะเบียน บว 4918 สุราษฎร์ธานี เป็นรถของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเป็นรถประจำตำแหน่งของ นายบัณฑิตย์ บุญสุข อายุ 56 ปี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติคลองพนม อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี และลูกน้องที่นั่งมาในรถ รวม 5 คน ขณะเดินทางกลับจากทำธุระที่ทำการอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ม.7 ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พบร่องรอยการถูกยิงด้วยกระสุนเอชเค และอาวุธปืนลูกซองยาวรวมอาวุธปืน 2 ชนิด 13 รู ถูกที่รถทั้งหมด เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค.60 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายสุรเชษฐ์ ทองเกิด อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น อดีตลูกน้องเก่าของ นายบัณฑิตย์ ที่ผลการสืบสวนสอบสวนระบุว่า เป็นผู้ใช้อาวุธปืนเอชเคยิงถล่ม โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ
คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (17 พ.ค.) นายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอบ้านนาสาร ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านนาสาร เพื่อกำชับให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรม ป้องกันเหตุอย่างจริงจัง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ในขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย พุทธรักษา รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านนาสาร ได้นำตัว นายสุรเชษฐ์ ทองเกิด ผู้ต้องหาที่จับกุมได้คนแรกไปฝากขังที่ศาลจังหวัดเวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ขณะที่ นายบัณฑิตย์ บุญสุข ผู้เสียหายยื่นเอกสารไปยังพนักงานสอบสวนและยื่นต่อศาลจังหวัดเวียงสระ ขอคัดค้านการประกันตัว
นายบัณฑิตย์ บุญสุข ผู้เสียหายกล่าวว่า หลังจากที่ทราบว่าทางพนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลเวียงสระ วันนี้ จึงได้เดินทางมาทำหนังสือยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวน และยื่นคัดค้านการประกันตัวต่อศาลจังหวัดเวียงสระ โดยให้เหตุผลว่าหากผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกมาเกรงจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน
ด้านญาติผู้ต้องหาเตรียมหลักทรัพย์เข้าขอประกันตัวต่อศาลจังหวัดเวียงสระ แต่ล่าสุดศาลไม่ให้ประกันตัวตามพนักงานสอบสวน และผู้เสียหายคัดค้าน