พังงา - ชาวประมงพื้นบ้านกว่า 150 คน บุกศาลากลางจังหวัดพังงา ยื่นหนังสือร้องหยุดกฎหมายกรมเจ้าท่า ทำชาวประมงเดือดร้อนหนัก ทั้งที่อยู่อาศัย สิ่งปลูกสร้างอื่น พร้อมเรียกร้องรัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเพื่อปรับลดมาตรการหาวิธีการให้เกษตรกร และชาวบ้านสามารถอาศัยทำมาหากิน มีอาชีพได้ไม่กระทบต่อความเป็นอยู่
วันนี้ (16 พ.ค.) กลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง และกลุ่มประมงพื้นบ้านผู้อยู่อาศัยชายฝั่ง ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา จำนวนกว่า 150 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.พังงา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายกรมเจ้าท่า กรณีให้ชาวบ้าน และเกษตรกรรื้อถอนกระชังปลาสัตว์น้ำ และบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งรุกล้ำลำน้ำ ส่งผลให้เกษตรกร และชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน หากไม่รื้อถอนจะมีโทษทางอาญา
สำหรับบุคคลปรับ 500 บาท/ตร.ม. พาณิชย์ 1,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งกระชังเลี้ยงสัตว์น้ำ 1 ห้อง มีเนื้อที่ 9 ตร.ม. ทำให้เกษตรกรต้องจ่ายค่าปรับทางอาญาห้องละ 4,500 บาท นอกจากนี้ ยังมีค่าปรับทางปกครอง ตร.ม.ละ 1,000 บาท สำหรับที่อยู่อาศัย หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นรวมถึงสิ่งที่ปลูกสร้างของทางภาครัฐมีผลบังคับใช้เหมือนกัน จึงเรียกร้องขอให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเพื่อปรับลดมาตรการ หาวิธีการให้เกษตรกร และชาวบ้านสามารถอาศัยทำมาหากิน มีอาชีพได้ ไม่กระทบต่อความเป็นอยู่
นายนิยม จงรักษ์ ตัวแทนกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา กล่าวว่า กฎหมายใหม่จากกรมเจ้าท่า ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดพังงา มีเกษตรกรชาวประมงใน 7 อำเภอ ได้รับผลกรทบจากกฎหมายดังกล่าว ทำให้เกษตรกรชาวประมง รวมตัวเรียกร้องให้แก้กฎหมายดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบชีวิตความเป็นอยู่ และรายได้ที่ใช้ภายในครัวเรือน รวมถึงลูกหลานที่ต้องเลี้ยงชีพทั้งตนเอง และครอบครัว
ด้าน นายสุรินทร์ ใบละหมาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา กล่าวว่า ตนเองในฐานะผู้นำท้องที่ที่เป็นตัวแทนชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องผ่านจังหวัด ก็เพื่อให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายเจ้าท่า เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวกระทบความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนริมฝั่งทะเล โดยวิถีชาวบ้านในพื้นที่มีการสร้างที่อยู่อาศัยติดชายฝั่ง ซึ่งขัดต่อกฎหมายเจ้าท่ากรณีรุกล้ำลำน้ำ และมีโทษปรับ การรื้อถอน ต่อไปชาวบ้านจะไม่มีที่อยู่อาศัย รวมถึงอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้ชาวบ้านไร้ที่อยู่ ไร้อาชีพ ไม่มีรายได้ จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจพี่น้องประชาชนที่มีผลกระทบต่อกฎหมายดังกล่าวด้วย
ส่วน นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.พังงา กล่าวว่า ทางจังหวัดรับหนังสือจากกลุ่มต่างๆ พร้อมกับสำรวจสิ่งปลูกสร้างของภาครัฐ ซึ่งกฎหมายเจ้าท่าบังคับใช้ร่วมด้วย ฉะนั้นนอกจากชาวบ้านได้รับผลกระทบแล้ว ส่วนหนึ่งภาครัฐเองยังได้รับผลกระทบอีกด้วย ซึ่งจะรวบรวมผลกระทบต่างๆ นำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อหาทางออกต่อไป
วันนี้ (16 พ.ค.) กลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง และกลุ่มประมงพื้นบ้านผู้อยู่อาศัยชายฝั่ง ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา จำนวนกว่า 150 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.พังงา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายกรมเจ้าท่า กรณีให้ชาวบ้าน และเกษตรกรรื้อถอนกระชังปลาสัตว์น้ำ และบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งรุกล้ำลำน้ำ ส่งผลให้เกษตรกร และชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน หากไม่รื้อถอนจะมีโทษทางอาญา
สำหรับบุคคลปรับ 500 บาท/ตร.ม. พาณิชย์ 1,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งกระชังเลี้ยงสัตว์น้ำ 1 ห้อง มีเนื้อที่ 9 ตร.ม. ทำให้เกษตรกรต้องจ่ายค่าปรับทางอาญาห้องละ 4,500 บาท นอกจากนี้ ยังมีค่าปรับทางปกครอง ตร.ม.ละ 1,000 บาท สำหรับที่อยู่อาศัย หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นรวมถึงสิ่งที่ปลูกสร้างของทางภาครัฐมีผลบังคับใช้เหมือนกัน จึงเรียกร้องขอให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเพื่อปรับลดมาตรการ หาวิธีการให้เกษตรกร และชาวบ้านสามารถอาศัยทำมาหากิน มีอาชีพได้ ไม่กระทบต่อความเป็นอยู่
นายนิยม จงรักษ์ ตัวแทนกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา กล่าวว่า กฎหมายใหม่จากกรมเจ้าท่า ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดพังงา มีเกษตรกรชาวประมงใน 7 อำเภอ ได้รับผลกรทบจากกฎหมายดังกล่าว ทำให้เกษตรกรชาวประมง รวมตัวเรียกร้องให้แก้กฎหมายดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบชีวิตความเป็นอยู่ และรายได้ที่ใช้ภายในครัวเรือน รวมถึงลูกหลานที่ต้องเลี้ยงชีพทั้งตนเอง และครอบครัว
ด้าน นายสุรินทร์ ใบละหมาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา กล่าวว่า ตนเองในฐานะผู้นำท้องที่ที่เป็นตัวแทนชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องผ่านจังหวัด ก็เพื่อให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายเจ้าท่า เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวกระทบความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนริมฝั่งทะเล โดยวิถีชาวบ้านในพื้นที่มีการสร้างที่อยู่อาศัยติดชายฝั่ง ซึ่งขัดต่อกฎหมายเจ้าท่ากรณีรุกล้ำลำน้ำ และมีโทษปรับ การรื้อถอน ต่อไปชาวบ้านจะไม่มีที่อยู่อาศัย รวมถึงอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้ชาวบ้านไร้ที่อยู่ ไร้อาชีพ ไม่มีรายได้ จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจพี่น้องประชาชนที่มีผลกระทบต่อกฎหมายดังกล่าวด้วย
ส่วน นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.พังงา กล่าวว่า ทางจังหวัดรับหนังสือจากกลุ่มต่างๆ พร้อมกับสำรวจสิ่งปลูกสร้างของภาครัฐ ซึ่งกฎหมายเจ้าท่าบังคับใช้ร่วมด้วย ฉะนั้นนอกจากชาวบ้านได้รับผลกระทบแล้ว ส่วนหนึ่งภาครัฐเองยังได้รับผลกระทบอีกด้วย ซึ่งจะรวบรวมผลกระทบต่างๆ นำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อหาทางออกต่อไป