ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - บริษัทผลิตและนำเข้าบุหรี่ชั้นนำอันดับ 3 ของโลก รัฐบาลญี่ปุ่นถือหุ้นใหญ่ ร้องสื่อ หลังสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ถูกขโมยมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ด้านการท่าเรือฯ ปฏิเสธความรับผิดชอบ แถมไม่ให้ดูภาพวงจรปิด ขึ้นโรงพักแจ้งความตำรวจแค่ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ พบสินค้าถูกนำไปประกาศขายทางสังคมออนไลน์อย่างโจ่งแจ้ง วอนรัฐให้ความสำคัญเร่งรัดคดีเพราะกระทบภาพลักษณ์ประเทศไทย 6 เดือนแล้วคดีไม่คืบหน้า เชื่อคนในท่าเรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
วันนี้ (13 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “MGR Online ภาคใต้” ได้รับการร้องเรียนจากตัวแทนของบริษัท เจที อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและนำเข้าบุหรี่ยี่ห้อ WINSTON COMPACT GREEN, WINSTON COMPACT BLUE ที่มีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศมาเลเซีย เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยสั่งสินค้าให้มาส่งยังท่าเรือคลองเตย กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ถูกงัด และมีสินค้าหายไปจำนวนหนึ่ง
แหล่งข่าวผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ ระบุตามรายละเอียดบันทึกประจำวันที่แจ้งไว้ต่อ สน.ท่าเรือ ว่าเมื่อวันที่ 21 ต.ค.59 เวลาประมาณ 01.51 น. ได้นำเข้าสินค้าบุหรี่ยี่ห้อ WINSTON COMPACT GREEN, WINSTON COMPACT BLUE จากประเทศมาเลเซีย จำนวน 995 ลัง ส่งมาทางเรือ ปลายทางอยู่ที่ท่าเรือคลองเตย เทอร์มินอล 1
โดยสินค้าบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ หมายเลข OOLU9210659/ OOLCZL1551 ต่อมา วันที่ 16 พ.ย.59 เวลาประมาณ 10.00 น. ตัวแทนบริษัท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ชิปปิ้งผู้นำเข้า ได้ไปเปิดตรวจตู้คอนเทนเนอร์สินค้าพร้อมกัน และพบว่า ซีลที่ล็อกตู้คอนเทนเนอร์สินค้าถูกทำลาย และใช้วัสดุอย่างอื่นล็อกไว้แทน
พอเปิดตู้ตรวจสอบพบว่า สินค้าสูญหาย คือ 1.บุหรี่ WINSTON COMPACT GREEN จำนวน 67 ลัง (33,500 ซอง) 2.บุหรี่ WINSTON COMPACT BLUE จำนวน 1 ลัง (500 ซอง) ซึ่งทางตัวแทนบริษัท เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และชิปปิ้งผู้นำเข้าจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ท่าเรือ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
โดย ร.ต.อ.บุญชู แสนธิ รองสารวัตร สอบสวน สถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ เป็นผู้รับแจ้งไว้เพื่อให้ผู้แจ้งติดต่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องในการนำเข้าสินค้ากับการท่าเรือฯ และบริษัทเดินเรือ พร้อมทั้งติดต่อดำเนินการกับบริษัทประกันภัย เพื่อหาผู้รับผิดชอบในความเสียหาย หากไม่มีผู้รับผิดชอบจะร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายเก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบรรษัท บริษัท เจที อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตบุหรี่ตรา WINSTON และเป็นผู้นำเข้าเอง โดยมีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้เป็นผู้นำเข้าบุหรี่ และผ่านการตรวจสอบสินค้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร ทั้งของฝ่ายสืบสวน-ปราบปราม สสป. และฝ่ายสืบสวน-ปราบปราม ICU พบการสำแดงจำนวน ปริมาณ น้ำหนัก ชนิด และราคาของสินค้า รวมถึงค่าภาษีอากรครบถ้วนถูกต้องทุกครั้ง
“ในการนำเข้าครั้งนี้ โรงงานผู้ผลิตได้ปฏิบัติเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยได้จัดส่งสินค้ามาตรงตามที่ผู้นำเข้าได้ทำการสั่งซื้ออย่างครบถ้วน และได้สำแดงจำนวน ปริมาณ น้ำหนัก ชนิด และราคาของสินค้าในใบขนสินค้าตามเอกสารที่ได้รับจากโรงงานผู้ผลิต เมื่อได้ชำระค่าภาษีอากร พร้อมกับการตรวจสอบสินค้าร่วมกับเจ้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว กลับพบว่า สินค้าได้สูญหายไป 67 ลัง (33,500 ซอง) โดยตรวจพบเพียง 928 ลัง จากยอดสั่งนำเข้าทั้งสิ้น 995 ลัง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น จำนวน 2,345,000 บาท”
นายเก่งการ กล่าวและว่า บริษัทฯ ตรวจสอบแล้วขอยืนยันว่า โรงงานผู้ผลิตสินค้าบุหรี่ในประเทศมาเลเซีย ได้จัดส่งสินค้าบุหรี่ บรรทุกขึ้นเรือมาครบถ้วนตามจำนวนที่ระบุใน Shipping invoice & Packing list no. 9000366916 (October 14, 2016) เอกสารทางเรือตามใบตราส่งเลขที่ OOLU2578467855 และ Shipping invoice & Packing list no. 9000366915 (October 14, 2016) เอกสารทางเรือตามใบตราส่งเลขที่ OOLU2578467859 ซึ่งถูกต้องตรงกับบัญชีสินค้าของสายเรือ (MANIFEST) โดยไม่ขาดหายแต่อย่างใด
“หลังจากชัดเจนแล้วว่าสินค้าถูกขโมยไป ก็ได้เดินทางไปที่ สน.ท่าเรือ เพื่อจะแจ้งความ แต่ตำรวจให้ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น เราเองก็งงว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ และตลอดระยะเวลาร่วม 6 เดือน นับตั้งแต่มีการลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อเดือน พ.ย.2559 ปรากฏว่า ทางตำรวจยังไม่ได้มีการดำเนินการเข้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด”
นายเก่งการ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางตัวแทนของบริษัทได้ไปติดต่อกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตหวงห้าม ซึ่งมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้หลายจุด
“ปรากฏว่าทางการท่าเรือบอกว่าเขาให้ดูไม่ได้ ต้องให้ทางตำรวจมาดำเนินการ ทำให้เรารู้สึกผิดหวัง และคิดว่าอาจจะมีความไม่ชอบมาพากล เพราะขึ้น สน.ตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ แค่ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ พอไปขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่ได้อีก ผ่านมาร่วม 6 เดือนแล้ว ตอนนี้หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบดูแลตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ เลยหลังจากที่สินค้าถูกขโมยไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสินค้าซึ่งเป็นบุหรี่ที่ถูกขโมยไป ล่าสุด เมื่อ 3 วันก่อน ทางผู้เสียหายได้พบว่ามีการนำบุหรี่ยี่ห้อเดียวกันกับบุหรี่ที่ถูกขโมยไปประกาศขายอยู่ในสังคมออนไลน์ ซึ่งทางบริษัทฯ ได้สอบถามกับทางผู้ขาย และได้เห็นภาพถ่ายของสินค้า ทำให้มั่นใจว่าเป็นสินค้าที่ถูกขโมยไปจริงๆ เนื่องจากมีโค้ดของสินค้ากำกับไว้ตรงตามข้อมูลของโรงงานผลิต จึงได้ติดต่อขอซื้อเพื่อนำมาตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด
“จริงๆ แล้วความเสียหาย 2 ล้านกว่าบาทถือว่าไม่มากมายนัก แต่เราอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะพื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตหวงห้าม คนนอกไม่มีทางเข้าไปได้ ถ้าคนข้างในไม่รู้เห็นเป็นใจ และเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ นี่นับเป็นครั้งแรกที่สินค้าเราหาย เราสั่งสินค้ามาขึ้นที่ท่าเรือทุกอาทิตย์ แต่หากระบบการดูแลเป็นแบบนี้ และเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นทางหน่วยงานที่ดูแลก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ อยากให้มีการจัดการตรงนี้ เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่เป็นนักลงทุนชาวต่างชาติอย่างมาก อยากให้ภาครัฐตระหนักในปัญหานี้ให้มากๆ เพราะมันหมายถึงภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศไทยด้วย” นายเก่งการ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริษัท เจที อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นบริษัทลูกของ เจที กรุ๊ป ผู้ผลิตบุหรี่และยาสูบอันดับ 3 ของโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จำหน่ายบุหรี่ 90 แบรนด์ ในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก
ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1985 บริหารธุรกิจยาสูบในตลาดญี่ปุ่น รวมไปถึงธุรกิจเครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส อาหารสำเร็จรูป และยารักษาโรค ถูกจัดอันดับเป็น 1 ใน 500 บริษัทชั้นนำของโลกที่ทำรายได้สูงสุด (Global Fortune500) มีรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดถึง 33.3%
และเมื่อปี 2558 สถาบันจัดลำดับผู้ว่าจ้าง ได้จัดลำดับให้เป็น 1 ใน 5 บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในโลก (Top Global Employer) โดยมีพนักงานทั้งหมด 27,000 คน กระจายอยู่ใน 120 ประเทศทั่วโลก