xs
xsm
sm
md
lg

จนท.เร่งรวบรวมหลักฐานขอหมายจับ 8 โจรใต้ลวงฆ่าเจ้าของรถยนต์คาร์บอมบ์บิ๊กซีปัตตานี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับ 8 โจรใต้ลวงฆ่าเจ้าของรถคาร์บอมบ์บิ๊กซีปัตตานี ส่วนอีก 7 ผู้ต้องสงสัย โดยมี นายก อบต.เกาะเปาะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และโต๊ะอิหม่ามในพื้นที่ เตรียมกันไว้เป็นพยาน

วันนี้ (12 พ.ค.) จากการเปิดเผยของ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดในการคลี่คลายคดีคาร์บอมบ์ที่ห้างบิ๊กซี กลางเมืองปัตตานี ว่า หลังจากการพบศพของ นายนุสน เจ้าของรถยนต์ที่ใช้ในการทำคาร์บอมบ์ ซึ่งถูกฆ่าตาย และนำไปทิ้งในคลองในหมู่ที่ 1 ต.เกาะเปาะ อ.หนองจิก และได้ทำการเค้นสอบอิหม่าม มัสยิดในพื้นที่ นายก อบต. สมาชิก อบต. และชาวบ้านที่ถูกควบคุมตัวตาม พ.ร.บ.ฉุกเฉิน จนเปิดปากให้การว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการสั่งการให้มีการปล้นรถยนต์ของ นายนุสน เพื่อประกอบเป็นคาร์บอมบ์เพื่อนำไปก่อเหตุที่ห้างบิ๊กซี คือ นายสุไหงมี สะมะแอ ซึ่งมีที่อยู่ใน ต.เกาะเปาะ จึงได้ติดตามปิดล้อมจนสามารถจับกุมตัวมาได้ และนำตัวมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสาวไปยังผู้ร่วมขนวนการ

โดย นายสุไหงมี หลังจากที่จนมุมได้รับสารภาพว่า กลุ่มแนวร่วมของตนที่ทำการหลอกลวง นายนุสน พ่อค้าผ้าใบกันสาดให้เข้ามาติดตั้งกันสาดที่มัสยิดดังกล่าวมีด้วยกัน 8 คน คือ นายนูวา กาซอ นายรุสลัน ใบหมัด นายเมาวานา สาเมาะ นายอิสมาแอ มอซู นายบุคคอลี หลำโซ๊ะ นายอับดุลอาซิ จะปะกียา นายมะนาเซ ไซดี และนายมูฮัมมัด กาซอ ซึ่งหลังจากที่ได้ก่อเหตุสำเร็จได้หลบหนีออกจากพื้นที่แล้ว ในส่วนของแกนนำผู้สั่งการให้วางระเบิดห้างบิ๊กซี นายสุไหงมี ให้การเพียงว่า ได้มีการสั่งการจากแกนนำระดับสูงจากประเทศมาเลเซีย และไม่ทราบว่านอกจาก บีอาร์เอ็น มีแผนในการระเบิดห้างบิ๊กซีแล้ว ยังมีการวางแผนก่อเหตุร้ายในที่ใดอีกหรือไม่

สำหรับในการดำเนินคดีต่อกลุ่มคนร้ายทั้งหมด ที่ นายสุไหงมี ให้การซัดทอดนั้น พล.ต.ต.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี กล่าวว่า อยู่ระหว่างเก็บรวมรวมหลักฐาน ทั้งดีเอ็นเอ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และพยานอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อที่จะให้ศาลออกหมายจับในเร็วๆ นี้ ขณะนี้ที่ออกหมายจับแล้วมีเพียงคนเดียว คือ นายมะกอเซ็ง หน้าแอ คนขับรถคาร์บอมบ์ เข้ามาก่อเหตุ ส่วนคนอื่นๆ ทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนของการรวมรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ

สำหรับ นายสุไหงมี เป็นผู้ที่ร่วมในการก่อเหตุในพื้นที่ จ.ปัตตานี หลายครั้ง และเป็นผู้หนึ่งที่เข้ามารายงานตัวตามโครงการ “พาคนกลับบ้าน” ซึ่งเป็นโครงการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ถูกกลุ่มคนไทยพุทธในพื้นที่ออกมาต่อต้านอย่างรุ่นแรงในขณะนี้ แต่หลังจากที่เข้าสู่โครงการพนาคนกลับบ้าน โดยที่ ทาง กอ.รมน. ไม่เอาผิดทางกฎหมาย เพราะต้องการให้กลับตัวกลับใจ กลับปรากฏว่า นายสุไหงมี เป็นหัวหน้ากลุ่มในการก่อเหตุครั้งนี้ ในประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ได้ซักถามถึงเหตุจูงใจที่กลับไปเข้าร่วมขบวนการบีอาร์เอ็น ว่ามาจากสาเหตุใด ซึ่งนายสุไหงมี กล่าวว่า ตนเองถูกบังคับจากคนที่อยู่เหนือกว่าในขบวนการจึงจำเป็นต้องทำ

สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่ในเหตุการณ์ฆ่า นายนุสน ที่ข้างมัสยิดบ้านเกาะเปาะ รวม 7 คน เป็นอิหม่ามมัสยิดเกาะเปาะ 1 คน เป็นนายก อบต.เกาะเปาะ 1 คน ที่เหลือเป็นสมาชิก อบต.เกาะเปาะ และชาวบ้านที่อยู่ใกล้มัสยิด ซึ่งในการสอบสวนของศูนย์ซักถามทุกคนให้การไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีส่วนรู้เห็นในการวางแผนชิงรถยนต์ของ นายนุสน มาทำคาร์บอมบ์ และไม่มีส่วนในการทำร้าย เพียงแต่อยู่ในเหตุการณ์ และเห็นการกระทำของคนร้ายที่นำโดย นายสุไหงมี

โดยให้การว่า เมื่อลวง นายนุสน มาที่มัสยิดดังกล่าว และเมื่อนายนุสน รู้ตัวว่าถูกลวงมาชิงรถ ได้ทำการต่อสู้ และถูกทำร้าย นายนุสน ได้วิ่งหนีจึงถูกยิงแต่ยิงไม่ถูก คนร้ายจึงรุมทำร้าย และจับตัวนายนุสน มัดมือมัดเท้านำขึ้นรถกระบะที่ นายสุไหงมี เตรียมไว้ นำไปรัดคอ และกลัวไม่ตายจึงยิงที่ต้นคอ ก่อนที่จะช่วยกันนำศพไปทิ้งในคลองที่พบศพ

ส่วนพวกตนหลังจากที่ นายสุไหงมี และพวกไปแล้ว จึงได้ช่วยกันทำความสะอาดรอยเลือดที่เกิดเหตุ และหวาดกลัวความผิด จึงไม่ได้ทำการแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้แก่ทางการทราบ ซึ่งการให้ปากคำมีหลายอย่างที่เป็นพิรุธ และขัดแย้ง โดยเฉพาะอิหม่าม นายก อบต. และสมาชิก อบต. ที่มีความรู้ในเรื่องของกฎหมาย ซึ่ง พล.ต.จตุพร ได้กล่าวว่า การให้การของคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เห็นเหตุการณ์ และช่วยทำลายหลักฐาน เป็นประโยชน์ในรูปคดี ทำให้สามารถรู้ตัวผู้ทำความผิดได้หมด ซึ่งอาจจะกันคนทั้งหมดไว้เป็นพยาน

สำหรับคนร้ายทั้งหมดที่ นายสุไหงมี ให้การซัดทอดนั้น ทุกคนต่างมีคดี มีหมายจับในคดีเก่า และบางคนมีหมายจับในการทำคาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา และตะเข็บชายแดน จ.นราธิวาส ซึ่งชุด ฉก.ของ ทหารพรานอยู่ในระหว่างการไล่ล่าติดตามตัว เชื่อว่ายังไม่หลบไปยังประเทศมาเลเซีย และในแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ใน จ.นราธิวาส ก็ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรึงแนวชายแดนเพื่อป้องกันการหลบหนี
 
กำลังโหลดความคิดเห็น