ปัตตานี - ชาวไทยที่อาศัยอยู่มาเลเซียซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใย ดำริให้สัญชาติแก่คนไทยที่ยังไม่มีทะเบียนเป็นสัญชาติไทย โดยทาง ศอ.บต.ร่วมกับกงสุลใหญ่ ร่วมสำรวจคนไทยดังกล่าวเข้าตรวจสอบ DNA
วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่พักอาศัยในประเทศมาเลเซีย แต่ไม่มีเอกสารยืนยันเป็นสัญชาติไทยมาหลายสิบปี ทำให้เป็นบุคคลไร้สัญชาติ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิสูจน์เพื่อให้สัญชาติไทยแก่บุคคลดังกล่าว ทำให้ชาวไทยที่อาศัยอยู่มาเลเซียหลายกลุ่มต่างมีความรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ทรงหวงใยประชาชนคนไทยตลอดมา
ล่าสุด ศูนย์อำนายการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู สำรวจเด็กไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย เพื่อนำเข้าโครงการตรวจสารพันธุกรรม หรือ DNA ตามพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศอ.บต.รับเรื่องมาเราก็ดำเนิน ครั้งแรกเราไปทำโครงการกงสุลสัมพันธ์ในเรื่องตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน งานทะเบียน ทำหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ ทำให้เราทราบถึงปัญหา เราสังเกตได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งไม่กล้าเข้าร่วมเพราะกลัวจะถูกจับ ทำให้เราทราบปัญหา ศอ.บต.ก็ได้หารือกับกงสุลใหญ่ ทางกงสุลใหญ่แนะนำว่าวิธีที่ปลอดภัย และแม่นยำที่สุดต้องตรวจ DNA บอกว่าทางเดียวที่จะช่วยคนกลุ่มนี้ได้คือ ต้องตรวจ DNA นี่จึงเป็นที่มาของโครงการ “ตรวจสารพันธุกรรมหรือ DNA” ที่นี้เราก็ไม่รู้จำนวนอีกก็เลยจัดให้สำรวจ โดยการรับลงทะเบียนระหว่างเดือนมีนาคม ถึงกรกฎาคม 2560 จากนั้นจะมีการคัดกรอง สัมภาษณ์ เพื่อนำมาเข้ากระบวนการ
ซึ่งจากสำรวจ พบว่า คนไทยที่อยู่ที่นี่มีทั้งอิสลาม และพุทธ โดยไทยพุทธเข้ามาจะทำงานบริการ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐปีนัง มะละกา กัวลาลัมเปอร์ ยะโฮบารู เขาจะไม่ทำงานเกษตรเหมือนพี่น้องมุสลิมที่มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนไทยทุกคนทุกกลุ่มที่เข้ามาสมัครและลงทะเบียนสามารถตรวจสอบ DNA ปกครองก็สามารถออกใบทะเบียนได้ สำหรับผู้เห็นต่างจากรัฐ ถ้าเขาไม่มีสถานะทางทะเบียนเขาก็มีสิทธิเพราะเขาคือคนไทย เราต้องการแก้ปัญหาคนไทยที่ไม่มีใบทะเบียนราษฎร แล้วต้องอยู่อย่างผิดกฎหมายเพราะไม่มีทะเบียนรับรองสัญชาติที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะเป็นผลดีต่อตัวเขาเอง และลูกหลานของเขาด้วย เพราะถ้าพ่อแม่ไม่มีใบทะเบียนจะมีผลกระทบต่อเนื่อง ลูกก็จะไม่มีโอกาสเรียนทั้งในไทย และมาเลเซีย ไม่สามารถเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ การลงทะเบียนครั้งนี้ไม่มีข้อจำกัด
ที่ผ่านมา ทางมาเลเซียก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ทางเราเองก็ไม่เคยไปคุยเพราะเราเข้าใจว่าคนกลุ่มนี้เข้าไปสถานะผิดกฎหมาย เมื่อโครงการนี้เป็นพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทาง ศอ.บต.ก็ไปคุยกับกงสุลใหญ่ และทางกงสุลได้แนะนำว่า รัฐบาลไทยต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะมีบางส่วนอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ ตลอดที่ผ่านมาที่ทำงานเรื่องนี้ไม่ได้มีการหารือกับทางมาเลเซียอย่างเป็นทางการ เพราะเรามองว่าเป็นการทำงานที่เกี่ยวข้องต่อคนไทย ไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องต่อคนมาเลเซีย
สำหรับรายชื่อที่ นายมะแอ สะอะ หรือยีแอท่าน้ำ อดีตแกนนำพูโลเก่า เสนอมา ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถนำเข้ามาในกลุ่มนี้ได้ ก็อยากให้คนไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซียเข้ามาร่วมให้มาก เพราะสิ่งนี้ที่ภาครัฐมุ่งหวังจะช่วยให้คนไทยที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน สามารถมีเลข 13 หลักได้ และมีบัตรประชาชน เพราะปัญหานี้เข้าข่ายคนไร้สัญชาติ และจะเกิดต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ถึงรุ่นลูกหลานของท่าน เพราะฉะนั้น ทาง ศอ.บต. และสถานกงสุล หวังว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างให้เกิดโอกาสให้พี่น้องคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียเป็นเวลานาน และไม่มีสถานะทางทะเบียน
ด.ช.อิรฟาน อับดุลเราะห์หมาน เด็กชายไทยอาศัยอยู่ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ผมเป็นคนไทยบ้านพ่อแม่ผมเป็นคนไทยอยู่ที่ จ.ปัตตานี แต่ผมไม่มีทะเบียนในประเทศไทยผมอยากกลับไปเรียนที่ จ.ปัตตานี แต่ไม่สามารถทำได้ ถ้าทำได้จะขอบคุณรัฐบาลมากที่ช่วยเหลือเด็กอย่างพวกเรา
นางบีเดาะ อาบ๊ะ ชาวปัตตานีอาศัยอยู่ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ดีใจนะถ้าสามารถทำใบทะเบียนให้ลูกได้ ทุกข์มากที่ลูกไม่มีใบทะเบียน แต่เรามาเกิดที่มาเลเซียทำให้ไม่สามารถไปแจ้งเกิดที่ไทยได้ ทุกวันนี้เขาอายุ 10 ปี เขาไม่มีเอกสารอะไรเลย ที่บอกว่าเขาคือคนไทย ถ้ารัฐบาลเปิดโอกาสให้ทำก็จะไม่พลาดโอกาสนี้แน่นอน และรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มากที่ทรงเข้าใจปัญหาของพวกเรา เรารักประเทศไทยของเรา ถ้าที่ประเทศไทยมีงานทำเราก็ไม่เลือกที่จะมาทำงานที่นี่ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เปิดโอกาสนี้ด้วย
นายมะแอ สะอะ หรือยีแอท่าน้ำ อดีตแกนนำพูโลเก่า กล่าวว่า ดีใจถ้ารัฐเปิดโอกาสให้แก่เด็กๆกลุ่มนี้ เพราะพวกเขาเสียโอกาสมามาก ส่วนรายชื่อที่ได้รวบรวมก่อนหน้านี้ ล่าสุด ได้นำส่งให้ ศอ.บต.แล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบกลับมา แต่ก็มีความหวังว่าเด็กเหล่านั้นจะสามารถมีใบทะเบียนราษฎรรับรองสัญชาติไทยได้
นายมะแอ ยังกล่าวอีกว่า บุคคลดังกล่าวเป็นคนไทยที่เข้าไปรับจ้างกรีดยาง รับจ้างปลูกปาล์มดูแลสวนปาล์มจนก่อเกิดลูกหลาน แต่กลับไม่สนใจในการจัดการแจ้งเกิดให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะสาเหตุหลักคือ อยู่ทำงานที่นั้นจนพาสปอร์ตหมดอายุ บัตรประจำตัวประชาชนก็หมดอายุไม่ได้มาต่อ จึงลำบากที่จะออกเดินทางไปในตัวเมือง จนกระทั่งพ่อแม่กลับเสียชีวิตที่นั่น ทำให้ลูกที่เกิดมาก็กลายเป็นบุคคลไม่มีสัญชาติทั้งที่เขาก็เป็นคนไทย
“ผมอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย และได้รู้จักกับครอบครัวเหล่านี้ได้ดี เขาไม่สามารถเข้าถึงสถานบริการของรัฐได้ทั้งฝั่งมาเลเซีย และฝั่งของไทย ถึงแม้คนเหล่านี้จะอยู่ในบริเวณชายแดนก็ตาม นอกจากนั้น ยังไม่สามารถเข้าศึกษาสถานศึกษา เพราะไม่มีทะเบียนบ้านรับรองสัญชาติ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ เชื่อว่าพี่น้องคนไทยดังกล่าวรับทราบคงต้องดีใจอย่างแน่นอน ผมพร้อมจะอาสาประสานกับบุคคลดังกล่าวถ้ารัฐมีความต้องการ” นายมะแอ กล่าว