พัทลุง - เกิดเหตุรถยนต์ชนท้ายรถจักรยานยนต์บนถนนสายรองเข้าอำเภอเขาชัยสน จ.พัทลุง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 2 ราย เป็นเด็กอายุ 9 และ 15 ปี พลเมืองดีรีบนำส่ง รพ.เขาชัยสน แล้ว สอบทราบ รถ จยย.หักเลี้ยวขวากะทันหันจึงเบรกไม่ทัน
วันนี้ (4 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาชัยสนพัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ ทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เหตุเกิดถนนสายรองเข้าอำเภอเขาชัยสน ตรงทางแยกบ้านหยา ท้องที่หมู่ที่ 1 ต.ควนขนุน หลังรับแจ้งจึงเดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพัทลุง
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะโตโยต้า คลุมหลังคาไฟเบอร์ หมายเลขทะเบียน ผก 6816 นครสวรรค์ สภาพด้านหน้ายุบ และใกล้กันพบรถจักยานยนต์ฮอนด้า หมายเลขทะเบียน กลย 680 พัทลุง พังเสียหาย ขณะที่พลเมืองดีกำลังช่วยกันนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเขาชัยสน เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือ ทราบชื่อคือ ด.ช.สหัสวรรษ ณ พัทลุง อายุ 15 ปี และ ด.ช.นิชากร ดอนแก้ว อายุ 9 ขวบ มีบาดแผลตามลำตัวอาการสาหัส โดยทั้งสองไม่รู้สึกตัว พลเมืองดีจึงต้องเร่งช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลอย่างแร่งด่วน
เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา ตรงจุดดังกล่าวมีอุบัติเหตุในลักษณะเดียวกัน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ชาวบ้านได้แจ้ง 1669 ให้รถกู้ชีพโรงพยาบาลมารับคนเจ็บเวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่งแต่ไม่มา ทำให้ผู้ที่รถชนทนความบาดเจ็บไม่ไหวต้องเสียชีวิตในที่เกิดเหตุอย่างน่าสงสาร ท่ามกลางชาวบ้านที่มุงดูนับร้อย ซึ่งครั้งนี้ชาวบ้านหวั่นจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำจึงช่วยกันนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเขาชัยสน แต่อาการหนัก ได้นำตัวส่ง รพ.พัทลุง ที่มีเครื่องมือแพทย์ที่ดีกว่า
ซึ่งจากการสอบสวน นายอาทิตย์ รอดฤทธิ์ คนขับรถยนต์กระบะ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ขับรถมาตามถนนสายเขาชัยสน ท่านางพรหม มุ่งหน้าสู่ตำบลโคกม่วง เพื่อไปติดต่อเกี่ยวกับการตรวจวัดสายประกอบแว่น ขณะที่ขับมาด้วยความเร็วได้มีรถจักรยานยนต์ที่มีเด็กชาย 2 คน ขับนำหน้า แล้วขับรถร่อนส่ายไปส่ายมา พอถึงทางแยกได้เลี้ยวขวาอย่างกระชั้นชิด จึงทำให้พุ่งชนท้ายเข้าอย่างจัง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับในช่วงปิดเทอมของพื้นที่จังหวัดพัทลุง พบว่า เด็กอายุ 7-15 ปี มักจะใช้เวลาว่างเอารถจักรยายนต์ของผู้ปกครองมาขับเล่นกันบ่อยครั้ง โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย บางคันช้อน 3-4 คน โดยที่พ่อแม่ไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือน มักจะปล่อยให้ลูกหลานขับรถโดยตามลำพัง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งในพื้นที่