xs
xsm
sm
md
lg

กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สั่งคุมเข้มพื้นที่ชายแดนใต้รับมือ “ไอเอส” หนีจากมาเลเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบ
 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สั่งคุมเข้มพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทย รับมือกลุ่ม “ไอเอส” ที่หนีจากการถูกตามจับกุมในประเทศมาเลเซีย หวั่นใช้พื้นที่หนีเข้ากบดาน

วันนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่รัฐบาลมาเลเซียได้ส่งกำลังทหาร ตำรวจเข้ากวาดล้างจับกุมกองกำลังรัฐอิสลาม หรือ “ไอเอส” ในหลายรัฐของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งรัฐตรังตานู และรัฐกลันตัน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของไอเอส ในประเทศมาเลเซีย และเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” ซึ่งเป็นรัฐที่มีชายแดนติดกับ จ.นราธิวาส ในหลายอำเภอ เช่น อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.ตากใบ จนทำให้สมาชิกรัฐอิสลาม หรือไอเอสที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ 7 คน ถูกจับกุมไปได้ 6 คน และอีก 1 คน ซึ่งถูกระบุว่าทราบชื่อคือ นายมูฮัมมัด มูซัปฟาอารีฟ บิน จูไนดี ได้หลบหนีเข้ามาในพื้นที่ จ.นราธิวาส พร้อมด้วยอาวุธจำนวนหนึ่ง

สำหรับเรื่องนี้ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีการติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของไอเอส มาโดยตลอด ยังไม่มีข่าวที่แน่ชัดว่ามีไอเอส จากประเทศมาเลเซีย หลบหนีเข้ามาซ่อนตัวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเจ้าหน้าที่มาเลเซียเองก็วิเคราะห์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ

แต่อย่างไรก็ตาม กอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้กองกำลังของทุกพื้นที่ในแนวชายแดนเข้มงวดในการเข้าออกในช่องทางที่ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศใช้ในการเดินทาง ติดต่อกันระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งเข้มงวดในเรื่องการข่าว ซึ่งเชื่อว่าสามารถสกัดกั้นได้

ในขณะที่ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภูสาระ ผบช.ศชต. ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในเรื่องของไอเอสที่ขยายตัวในประเทศมาเลเซีย ศชต.มีการประสานงานกับสันติบาลไทย และสันติบาลมาเลเซีย เป็นการร่วมมือกันในการตรวจสอบมาโดยตลอด แต่ขณะนี้ยังไม่มีข่าวที่ชัดเจนว่ามีกลุ่มไอเอสเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ด้านหน่วยข่าวความมั่นคง เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะยังไม่มีข้อมูลว่าคนมุสลิมในพื้นที่เข้าร่วมกลุ่มกับไอเอส ไปรบที่ประเทศซีเรีย และประเทศอิรัก เดินทางกลับมาเหมือนกับที่ประเทศมาเลเซีย แต่หน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามคน จำนวน 5 กลุ่มในพื้นที่ ซึ่งรับความคิดของไอเอส เพราะชมชอบในแนวทางสุดโต่งในการใช้ความรุนแรง แต่จากการติดตามความเคลื่อนไหวของคนทั้ง 5 กลุ่ม ยังไม่พบการขยายเครือข่ายในการสร้างนักรบรัฐอิสลาม หรือไอเอสในพื้นที่

โดยหน่วยข่าวความมั่นคง เปิดเผยว่า สิ่งที่ยังอุ่นใจได้คือ ยังไม่พบว่าไอเอส สามารถจับมือกับบีอาร์เอ็น เพื่อก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ว่าในรัฐกลันตัน และรัฐตรังตานู ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของบีอาร์เอ็น จะมีไอเอสเคลื่อนไหวอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากนโยบายของไอเอสกับของบีอาร์เอ็นยังไม่สอดคล้องกัน ไอเอสมีเป้าหมายกับประเทศมุสลิมด้วยกัน โดยต้องการก่อการร้ายเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองให้เป็น “รัฐอิสลาม” แบบอาณาจักร “คอลีฟะห์” หมายถึง ให้ผู้นำศาสนาเป็นผู้นำประเทศ แต่บีอาร์เอ็นมีเป้าหมายในการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพื่อตั้งประเทศใหม่ที่ไม่ใช่รูปแบบของ “รัฐอิสลาม” ที่เป็นแบบ “คอลีฟะห์”

และยังเชื่อด้วยว่า บีอาร์เอ็น แม้จะเป็นพันธมิตรกับไอเอสในการอยู่ร่วมกัน แต่จะไม่ร่วมมือกันในการทำสงคราม เพราะบีอาร์เอ็นยังต้องพึ่งพาประเทศมาเลเซีย รัฐบาลมาเลเซียในการเป็นหลังพิง เป็นฐานที่มั่นเพื่อต่อสู้กับประเทศไทย หากบีอาร์เอ็นจับมือกับไอเอส บีอาร์เอ็นจะถูกมาเลเซียกวาดล้าง จะไม่สามารถปฏิบัติการก่อการร้ายเพื่อแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ของไทยได้ ดังนั้น จึงทำให้ฝ่ายความมั่นคงของไทยไม่วิตกกังวลต่อการที่ไอเอส อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย เพราะเป้าหมายของไอเอส คือ “มาเลเซีย” แต่อาจจะหนีมาหลบซ่อนในชายแดนของไทยเมื่อถูกตามจับกุม

ขณะที่ตำรวจสันติบาลของประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ทางการมาเลเซียตรวจพบว่า มีชาวมุสลิมมาเลเซียถูกชักจูงไปร่วมรบในประเทศอิรัก และประเทศซีเรีย ซึ่งสันติบาลมาเลเซีย มีรายชื่อของสมาชิกไอเอสแล้วกว่า 250 คน และถูกจับกุมไปแล้วกว่า 50 คนในรอบ 3 ปี และขณะนี้สันติบาลมาเลเซีย มีการตรวจพบว่าสมาชิกรัฐอิสลามที่สู้รบอยู่ในประเทศซีเรีย ได้ทยอยเดินทางกลับมายังประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซียเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการกวาดล้าง เพราะถือว่าเป็นภัยต่อประเทศมาเลเซีย

โดยสมาชิกไอเอสได้ก่อเหตุร้ายด้วยการวางระเบิดไนต์คลับแห่งหนึ่งในรัฐสลังงอร์ ใกล้กับกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย เมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และยังพบด้วยว่า ไอเอสวางแผนที่จะก่อการร้ายในประเทศมาเลเซียอีกหลายแห่ง แต่เจ้าหน้าที่สืบทราบได้ก่อน และทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยได้จำนวนหนึ่ง
 
กำลังโหลดความคิดเห็น