xs
xsm
sm
md
lg

เดือดร้อน! กลุ่มรถตู้บุกศาลากลางพังงา เรียกร้องรัฐทบทวนกฎหมายบังคับใช้ให้เหมาะสม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พังงา - กลุ่มรถตู้สาธารณะไม่ประจำทางบุกศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลทบทวนกฎหมายบังคับใช้รถตู้ให้เหมาะสม

วันนี้ (2 พ.ค.) นายพิชัย จงเกียรติขจร ตัวแทนรถตู้สาธารณะไม่ประจำทาง พร้อมด้วยผู้มีอาชีพขับรถตู้โดยสารสาธารณะไม่ประจำทาง หรือรถตู้ป้ายเหลือง 30 จำนวน 31 ราย รวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพังงา เพื่อเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการปรับใช้กฎหมายรถตู้สาธารณะไม่ประจำทาง หมวดป้าย 30 โดยแยกหมวดการใช้งานตามความเป็นจริง จากที่ทางขนส่งบังคับใช้กฎหมายกับรถตู้ป้ายเหลืองทุกหมวด ทำให้รถตู้สาธารณะไม่ประจำทางเกิดความเดือดร้อน โดยเฉพาะบังคับใช้กฎหมายบังคับความเร็วให้ติดตั้งเครื่องรูดบัตรจีพีเอส จำกัดความเร็วที่ 90 เป็นระดับความเร็วที่รถเหมาะสมต่อรถบัสทั่วไป การใช้ช่องทางเดินรถบังคับให้วิ่งเลนซ้ายสุด จำกัดเวลาในการทำงาน ความเร็วไม่สอดคล้องต่อสภาพการจราจร การเรียกเก็บภาษีจากกรมสรรพากร การชำระค่าปรับ คนที่มีรถมากกว่า 1 คัน แต่ไม่เกิน 2-3 คัน การตรวจสอบ GPS ทุกคนสามารถรู้ได้หมดว่าอยู่จุดไหน การแต่งกายของผู้ขับ การลงสมุดบันทึกการเดินทาง และต้นทุนการติดตั้ง wifi เหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการรถตู้รวมถึงผู้ขับขี่เกิดความไม่พอใจขึ้น จึงได้เข้ามายื่นเพื่อให้รัฐบาล และกรมขนส่งทางบก แก้ปัญหาข้อกฎหมายเหล่านี้ โดยมี นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายณรงค์ เกรอด ขนส่งจังหวัดพังงา ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา เข้ารับหนังสือเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

โดยทาง นายพิชัย จงเกียรติขจร ตัวแทนรถตู้สาธารณะไม่ประจำทาง กล่าวว่า ทางรถตู้สาธารณะไม่ประจำทางมีความเดือดร้อนมากหลังจากทางรัฐบาลออกกฎหมายมาควบคุมการทำงานของรถตู้กลุ่มนี้ จึงได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อทางจังหวัดพังงาได้ส่งต่อไปยังรัฐบาลเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาของรถตู้สาธารณะไม่ประจำทางเหล่านี้ด้วย เนื่องจากรถตู้ประเภทนี้ไม่สามารถรับผู้โดยสารระหว่างทางได้ และส่วนใหญ่เป็นรถตู้ที่รับส่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และลูกค้าที่เหมารถเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทำให้งานไม่เหมือนกับรถตู้โดยสารประจำทาง มีสมาชิกรถตู้โดยสารไม่ประจำทางบางรายโดยปรับความเร็วถึง 50,000 บาท ของการรับเหมาลูกค้าจาก จ.ภูเก็ต ปลายทาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถูกใบสั่งจากจุดตรวจจับความเร็วตาม GPS แต่ละจุดรวม 30 จุด ค่าปรับเป็นเงิน 50,000 บาท ซึ่งค่าว่าจ้างของลูกค้าก็ไม่พอที่จะจ่ายค่าปรับ บางรายบอกขายรถเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าปรับ จึงขอให้รัฐบาลเห็นใจผู้ที่ทำในอาชีพนี้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น