ยะลา - หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 บันนังสตา เร่งสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ป่าไม้ให้แก่ชาวบ้านนิคมกือลอง ด้วยการสร้างฝายมีชีวิตแห่งที่ 2 หวังช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่บ้านตลาดนิคมฯ กือลอง ม.6 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 3312 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 บันนังสตา ได้ร่วมกับชาวบ้านในชุมชนตลาดนิคมฯ กือลอง ดำเนินการสร้างฝายมีชีวิตแห่งที่ 2 ใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังจากห้วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบมีการบุกรุกทำลายป่าไม้ ซึ่งเป็นป่าสงวนในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนักในช่วงกลางปี 2559 ที่ผ่านมา
โดยการจัดสร้างฝายมีชีวิตแห่งที่ 2 นี้ ได้มีการริเริ่มจากเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 ในการสำรวจพื้นที่ และปฏิบัติงานมวลชน พบว่า ปัญหาภัยแล้งได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในเขตพื้นที่ อ.บันนังสตา เนื่องจากการลักลอบเข้าตัดไม้ทำลายป่า เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 นำโดย พ.อ.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 จึงได้มอบนโยบายให้แก่กำลังพลตามคำสั่งของแม่ทัพภาค 4 ในการดูแลอนุรักษ์ผืนป่าธรรมชาติ และยับยั้งการบุกรุกทำลายป่าไม้
ซึ่งทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 ได้มีการดำเนินสร้างฝายมีชีวิตแห่งที่ 1 ไปแล้วที่ อุทยานแห่งชาติบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา และได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างฝายมีชีวิตแห่งที่ 2 ที่บ้านตลาดนิคมฯ แห่งนี้ เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ในการอนุรักษ์สภาพป่าไม้ และระบบนิเวศ ร่วมกันดูแลต่อต้านไม่บุกรุกทำลายป่า พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง
นางอรทัย บำรุง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านตลาดนิคม เปิดเผยว่า เมื่อปีที่ผ่านมาในพื้นที่ได้ประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ชาวบ้านที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เพราะการบุกรุกป่าไม้ และในครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหารพราน เข้ามาร่วมสร้างฝายชะลอน้ำโดยร่วมกับชาวบ้าน นับเป็นการปลุกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่าไม้ และจะสามารถช่วยลดปัญหาภัยแล้งในปีนี้ได้
ร.ท.รังสรรค์ คำนวณศร ครูฝาย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 กล่าวว่า ได้เรียนรู้ และนำรูปแบบวิธีการสร้างฝายมีชีวิตมาจากพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช แล้วนำมาปรับใช้กับพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยการสำรวจความต้องการจากประชาชนในพื้นที่ และสำรวจแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอยู่ ก่อนที่จะร่วมกันวางแผนโครงสร้างของฝายกับชาวบ้าน และให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการก่อสร้างฝายมีชีวิตแห่งนี้ ซึ่งในพื้นที่บ้านตลาดนิคมฯ ได้มีการปลุกจิตสำนึกให้แก่คนในชุมชนในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ ให้เห็นความสำคัญของน้ำ และทำให้ชาวบ้านได้เห็นถึงประโยชน์หลังจากมีการสร้างฝายเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งประชาชนในพื้นที่เองจะได้รับประโยชน์จากการจัดสรรน้ำไปใช้ในช่วงที่ประสบปัญหาภัยแล้ง
ทั้งนี้ ในพื้นที่บ้านตลาดนิคมฯ กือลอง ได้ประสบปัญหาการบุกรุกแผ้วถ่างป่า ตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อจับจองเป็นพื้นที่ทำการเกษตร แต่เจ้าหน้าที่มีการตรวจพบเป็นจำนวนหลายสิบไร่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ป่าต้นน้ำ จากนั้นจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในการตรวจยึดพื้นที่ และเร่งสร้างจิตสำนึกให้แก่ประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาวต่อไป