ยะลา - เกษตรชาว อ.รามัน จ.ยะลา ร่วมกับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวปัตตานี ลงพื้นที่ให้ความรู้เพิ่มทักษะผลการทำนาให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา หวังส่งเสริมให้เป็นการลดต้นทุนการผลิต
วันนี้ (28 เม.ย. ) ที่หมู่ 5 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา เกษตรอำเภอรามัน ได้ร่วมกับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่การเกษตร และเจ้าหน้าที่วิชาการ ลงพื้นที่ทำกิจกรรมส่งเสริมการทำนา ภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวปลอดภัย ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลอาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา
โดยมีการสาธิตการทำเทือก การทำนาโยน การทำนาหว่านน้ำตม โดยใช้เครื่องหว่านเมล็ด การปักดำกล้าโดยใช้เครื่องปักดำให้แก่เกษตรกรชาวนาที่เป็นสมาชิกศูนย์ข้าวชุมชน จำนวน 60 ราย ได้มีความรู้ และทักษะเพิ่มเติมในการพื้นฟูพื้นที่นาร้าง และดำเนินการทำนาลักษณะการลดต้นทุนในการทำนา
นางลำยอง พูนศิลป์ เกษตรอำเภอรามัน เปิดเผยว่า เนื่องจากในพื้นที่ ต.อาซ่อง ซึ่งมีที่นาอยู่จำนวนกว่า 400 ไร่ ได้ร้างจากการทำนามาหลายปี เนื่องจากประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งด้านต้นทุนการผลิต และปัญหาปัจจัยของสภาพอากาศ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทางเกษตรอำเภอจึงได้เข้ามาให้การสนับสนุน และความรู้มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพลิกฟื้นที่นาให้เกษตรกรสามารถกลับมาทำนาได้อีกครั้ง ประมาณเกือบ 200 ไร่
“ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นการปลูกข้าวเหลื่อมฤดู โดยที่ผ่านมา ในการปลูกตามฤดูกาลนั้น เกษตรกรจะประสบปัญหาน้ำท่วมทำให้พันธุ์ข้าวเสียหาย นอกจากนี้ สิ่งที่เกษตรกรยังพบเจอคือ ปัญหาต้นทุนในการผลิตสูง จึงไม่คุ้มค่าต่อการลงแรงทำนา แต่ภายหลังที่ทางเกษตรอำเภอเข้ามาสนับสนุน และชี้แนะแนวทางการทำนาวิธีใหม่ให้มีการลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรก็ได้ผลผลิตที่ดี และสามารถนำออกจำหน่ายในพื้นที่ใกล้เคียงได้” เกษตรอำเภอรามัน กล่าว
ด้าน นายสุวิทย์ แก้วมณี นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวปัตตานี เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมักจะประสบปัญหาเรื่องของต้นทุนการผลิต ทั้งพันธุ์ข้าว และแรงงานที่มีต้นทุนสูง การลงพื้นที่แนะนำความรู้ให้กับเกษตรกร ก็ใช่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน แต่จะเป็นการที่รัฐได้เข้ามาสนับสนุน ทั้งด้านการให้ความรู้ และเครื่องมือในการดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐก็มีการสนับสนุนเครื่องมือสำหรับการทำนา และแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรไปในหลายพื้นที่ แต่เครื่องมือก็ชำรุดเสียหาย และไม่ได้รับการซ่อมแซมดูแลที่ถูกต้อง โดยในความคิดเห็นส่วนตัวแล้วนั้น ภาครัฐจำเป็นจะต้องมีศูนย์เครื่องจักรกลในการซ่อมแซม และสามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่ประชาชน หรือเกษตรกรได้อย่างทั่วถึง โดยให้เกษตรกรเองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบำรุงรักษา หรือการเก็บค่าเตรียมดินทำนาที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้ และส่งผลให้เกษตรกรกลับมาดำเนินการต่อแปลงนาของตนเองเพื่อสร้างผลผลิตได้อีกครั้ง